EEC พร้อมถก UTA ดัน “สนามบินอู่ตะเภา” สร้างครึ่งปีแรก ดึงรฟท.ทำอุโมงค์

27 ก.พ. 2568 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.พ. 2568 | 07:11 น.

เลขาธิการ EEC พร้อมหารือ UTA เดินหน้าโครงการพัฒนา “สนามบินอู่ตะเภา” เมืองการบินภาคตะวันออก คาดเริ่มสร้างในครึ่งปีแรก 2568 ไม่ต้องแก้สัญญา พร้อมดึง รฟท.สร้างอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงก่อน

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า สำนักงาน EEC พร้อมหารือร่วมกับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จํากัด (UTA) เอกชนผู้ร่วมลงทุนใน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ภายในพื้นที่ของ EEC กว่า 6,500 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมกว่า 2.9 แสนล้านบาท หลังจากบริษัทประกาศออกมาว่าจะไม่รอ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

“การดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ และรถไฟความเร็วสูงฯ น่าจะเริ่มต้นได้ภายในครึ่งปี 2568 นี้ โดยในส่วนของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ คงไม่ได้แก้ไขสัญญาอะไร สามารถบริหารสัญญาได้ หากเอกชนจะปรับลดขนาดโครงการลงในระยะแรก” นายจุฬา ระบุ

นายจุฬา ยอมรับว่า สำนักงาน EEC ก็เห็นใจเอกชน เพราะยังไม่สามารถขับเคลื่อนโครงการได้อย่างเต็มที่ เพราะหากโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ยังก่อสร้างไม่ได้ ปริมาณผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามาใช้สนามบินก็อาจยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

ดังนั้นจึงต้องหาทางใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ซึ่งการปรับขนาดของอาคารผู้โดสารลงนั้น สามารถทำได้ แต่เมื่อจำนวนผู้โดยสารเข้ามาใช้ถึง 80% เอกชนก็ต้องขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามในกรณีการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงภายใต้อาคารผู้โดยสารของสนามบินอู่ตะเภานั้น ที่ผ่านมาภาคเอกชนขอให้รัฐตัดสินใจว่าจะเดินหน้ายังไงต่อหากโครงการรถไฟความเร็วสูงล่าช้า และไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ เลขาธิการ EEC กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาทางออก โดยอาจให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมพร้อมการลงทุนเรื่องของอุโมงค์

 

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

 

“ในตัวสนามบินอู่ตะเภาจะต้องมีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยู่ หากกรณีของเอกชนยังไม่มา ทางการรถไฟฯ จะทำอุโมงค์รอไว้ให้ เพราะถ้าเกิดโครงการพัฒนาอู่ตะเภาฯ เริ่มไปแล้ว และมีการสร้างรันเวย์ที่สองและจะขุดอุโมงค์ใต้รันเวย์ไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องมาหารือกันอีกครั้ง โดยหลัก ๆ แล้วก็ได้คุยกันในประเด็นนี้ไปแล้วทั้งรัฐ และรฟท.” เลขาธิการ EEC ระบุ

ขณะที่สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จะต้องปรับปรุงด้วยหรือไม่ เมื่อ UTA จะเร่งเดินหน้าโครงการต่อโดยไม่รอรถไฟความเร็วสูง ประเด็นนี้ นายจุฬา ยอมรับว่า กรณีนี้จะต้องเจรจากันอีกครั้ง หากเอกชนจะขอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม แต่ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภายังมีกิจการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง หากมีเอกชนรายใดสนใจเข้ามาลงทุนก็สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ได้กับ EEC โดยตรง แม้ว่าตอนนี้สิทธิประโยชน์จะรอเสนอเข้าครม. แต่ก็สามารถเข้ามาเจรจาก่อนได้

ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงฯ ล่าสุด รฟท.กำลังหารือรายละเอียดของสัญญา และเตรียมเสนอเข้าไปยังคณะกรรมการการรถไฟฯ เพื่อเห็นชอบภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ก่อนจะส่งให้อัยการตรวจสอบสัญญา และเสนอให้ครม.เห็นชอบต่อไป โดยไทม์ไลน์ของโครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2568 นี้

 

EEC พร้อมถก UTA ดัน “สนามบินอู่ตะเภา” สร้างครึ่งปีแรก ดึงรฟท.ทำอุโมงค์

 

จับมือเอชเอสบีซี ดึงเอกชนลงทุน 5 แสนล้าน

อย่างไรก็ตามในวันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) สำนักงาน EEC ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนสู่พื้นที่ EEC ผ่านเครือข่ายระดับนานาชาติของธนาคารเอชเอสบีซีใน 58 ประเทศและเขตดินแดน สร้างโอกาสการลงทุนจากตลาดสำคัญ ทั้ง จีน ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อินเดีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กร มีเป้าหมายที่จะสนับสนุน EEC ในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจริงใน พื้นที่รวม 500,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ 5 คลัสเตอร์ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมสีเขียว BCG และ อุตสาหกรรมบริการ

โดยในปี 2568 ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย จะให้การสนับสนุนในกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการลงทุนสู่พื้นที่อีอีซีในระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้ง จีน สิงคโปร์ ยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น