ช่วงเช้าวันที่ 22 ส.ค. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน
ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกร้องต่อรัฐบาล พรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงาที่เกี่ยวข้อง ให้แสดงจุดยืนปกป้องเด็กเยาวชน จากปัจจัยเสี่ยงเหล้า บุหรี่ การพนัน ยาเสพติด กัญชา
ทั้งนี้เครือข่ายได้แสดงละครสั้น จำลองสถานการณ์รัฐบาลที่มุ่งหน้าทำเรื่องอบายมุข ถาโถม มอมเมาใส่เด็กเยาวชนและประชาชน
นางสาววศิณี สนแสบ ผู้ประสานงานเครือข่ายจิตอาสาพัฒนาสังคม ม.รามคำแหง กล่าวว่า ข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ปี2560 พบว่าประเทศไทยมีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 28.40% กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือเด็กและเยาวชน อายุ 15-24 ปี ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากถึง 2.2 ล้านคน คิดเป็น 23.91 % หรือประมาณ 1 ใน 4 ของเยาวชนทั้งหมด และไม่มีแนวโน้มลดลง
โดยมีพฤติกรรมการดื่มแบบหัวราน้ำ ส่งผลกระทบทางสังคม บาดเจ็บ เสียชีวิต ปัญหาอาชญากรรม ความรุนแรง ทะเลาะวิวาท และอุบัติเหตุทางถนน
และยังพบด้วยว่าเยาวชนอายุ 15-19 ปี มีการสูบบุหรี่ถึง 4 แสนคน ซึ่งจากสถิติเด็กไทย 10 คนที่ติดบุหรี่ 7 คน จะเลิกไม่ได้ไปตลอดชีวิต ส่วน 3 คนที่เลิกได้ต้องใช้เวลา 20 ปี กว่าถึงจะเลิกได้ ขณะเดียวกันก็พบว่าคนไทย 3 แสนคนติดยาเสพติด ในจำนวนนี้ 40 % เป็นเด็กและเยาวชน
ขณะที่ปัญหาการพนัน สำรวจโดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เล่นการพนันกว่า 32 ล้านคน เป็นนักพนันหน้าใหม่ 7.9 แสนคน เป็นเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปี กว่า 4.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 62 ถึง 5.4 แสนคน
และยังพบว่าคนไทยกว่า 1.9 ล้านคน เล่นพนันในบ่อนออนไลน์ เพิ่มขึ้นจากปี 62 กว่า 135 % หรือประมาณ 1.12 ล้านคน สร้างผลกระทบต่อตัวผู้เล่น ครอบครัว คนรอบข้าง และบุคคลทั่วไปในสังคม ทั้งปัญหาหนี้สิน ความเครียด คดีความ อาชญากรรม และความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
“แต่จากการติดตามไม่พบว่ารัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาปัจจัยเสี่ยงในสังคมเลย แทบไม่เห็นการสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเกิดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ตรงกันข้ามกลับถูกกีดกัน มีแต่นโยบายที่หวังผลทางการเมือง บางนโยบายเอื้อประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม เกิดพื้นที่เสี่ยง พื้นที่อบายมุข เช่น แก้กฎหมายขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ต้องห้าม ขายได้ 24 ชั่วโมงปลดล็อคพืชกระท่อม กัญชา เตรียมผลักดันกฎหมายให้ขายบุหรี่ไฟฟ้า การผลักดันบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ล่าสุดเสนอจัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดผับถึงตี 4 เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาของรัฐบาลชุดนี้” นางสาววศิณี กล่าว
ด้านนายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อนายกฯ ดังนี้