พลังงานเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกฯ พ.ย. 68

08 ต.ค. 2568 | 04:33 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2568 | 04:33 น.

กระทรวงพลังานเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์เดือน พ.ย. 68 คาดกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท

KEY

POINTS

  • กระทรวงพลังงานเตรียมประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนในเดือนพฤศจิกายน 2568
  • โครงการมีเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,500 เมกะวัตต์ โดยจำกัดปริมาณรับซื้อชุมชนละไม่เกิน 10 เมกะวัตต์
  • คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างงานกว่า 1,600 ตำแหน่ง และลดการปล่อยคาร์บอนได้ 0.8 ล้านตันต่อปี

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการโซลาร์ภาคประชาชน กระทรวงฯคาดว่าจะประกาศรับซื้อไฟฟ้าภายใต้โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน ซึ่งมีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ชุมชนละไม่เกิน 10 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนได้กว่า 30,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 1,600 ตำแหน่ง รวมถึงยังสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.8 ล้านตันต่อปี 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตรอีกกว่า 1,200 ระบบ โดยตั้งเป้าหมายในระยะแรก 50 ระบบ ซึ่งคาดว่าจะเกิดเม็ดเงินผ่านลงทุนกว่า 12,500 ล้านบาท ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ 87.5 เมกะวัตต์ และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 0.6 ล้านตันต่อปี 

 

ส่วนเป้าหมายการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 90,000 ครัวเรือน กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน ได้กว่า 20,250 ล้านบาท ลดการใช้ไฟฟ้าได้ 585 ล้านหน่วยต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ 2.8 แสนตันต่อปี 

พลังงานเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกฯ พ.ย. 68

อย่างไรก็ดี ยังมีการเร่งอนุมัติการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำใน 3 เขื่อนหลักของ กฟผ. ได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งมีต้นทุนต่ำกำลังการผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ เกิดการลงทุนกว่า 53,000 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 0.8 ล้านตันต่อปี 

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กระทรวงฯจะเร่งขับเคลื่อนโครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7 แสนไร่ทั่วประเทศ ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบพลังงานรองรับภาคอุตสาหกรรม ได้เร่งดำเนินการโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะอาดตรง หรือ Direct PPA 2,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 เกิดเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 65,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ยังมีการพัฒนาระบบไฟฟ้ารองรับอุตสาหกรรมเขตภาคตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้ากว่า 800 เมกะวัตต์ รองรับธุรกิจ Data Center 16 ราย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมผ่านการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์ผ่านกลไกกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 

การสร้างความยั่งยืนระยะยาวรองรับ Net Zero 2050 ผ่านโครงการต่างๆ ข้างต้น รวมทั้งการเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ แผน PDP ที่จะมีการทบทวนรายละเอียดให้การผลิตไฟฟ้าตอบโจทย์กับเป้าหมาย Net Zero 2050 ผ่านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ภายในปี 2577 และระหว่างปี 2577 ถึงปี 2607 (30 ปี) จะสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 6.4 ล้านตันต่อปี

“การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน โดยมุ่งสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ทั้งด้านเศรษฐกิจ การส่งเสริมการลงทุน การผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ และการส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ”