‘อรรถพล’ ชง ครม. เสนอข้อตกลงสร้างความมั่นคงพลังงานอาเซียน

08 ต.ค. 2568 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2568 | 01:45 น.

‘อรรถพล’ ชง ครม. พิจารณาเสนอข้อตกลงสร้างความมั่นคงพลังงานในอาเซียนก่อนเข้าประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่ 43 กลางเดือน

KEY

POINTS

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเตรียมเสนอ 2 ข้อตกลงสำคัญต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน
  • ข้อตกลงฉบับแรกคือบันทึกความเข้าใจเพื่อขยายโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
  • ข้อตกลงฉบับที่สองเป็นกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงทางปิโตรเลียม เพื่อจัดตั้งกลไกช่วยเหลือประเทศสมาชิกในภาวะขาดแคลนหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 เรื่องสำคัญที่จะต้องมีการลงนามระหว่างรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน 10 ประเทศในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 43 หรือ AMEM  ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 17 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย

สำหรับเรื่องแรก เป็นร่างบันทึกความเข้าใจเพิ่มเติมว่าด้วยโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (Enhanced Memorandum of Understanding on ASEAN Power Grid) จะมีผลบังคับใช้หลังจากประเทศสมาชิกอาเซียนส่งมอบสัตยาบันเรียบร้อยแล้ว โดยสาระสำคัญ ได้แก่ 

  • การส่งเสริมการดำเนินกิจกรรมเพื่อขยายความเชื่อมโยงด้านไฟฟ้าภายในภูมิภาค ทั้งในพื้นที่บนบกและในทะเล ด้วยการพัฒนานโยบาย การพัฒนาตลาดไฟฟ้าอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเทคโนโลยีและการใช้ประโยชน์จากพลังงานสะอาด โดยต้องสอดคล้องกับบริบทและกฎหมายของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน 
  • อาเซียนจะร่วมกันศึกษา ประเมิน และทบทวนนโยบาย กฎหมาย และแผนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน โดยการผลักดันการดำเนินกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงาน/องค์กร/คู่เจรจา เพื่อจัดสนับสนุนงบประมาณ เงินลงทุน และการสนับสนุนด้านเทคนิคที่จำเป็น เพื่อให้การดำเนินกิจกรรม/โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ 

‘อรรถพล’ ชง ครม. เสนอข้อตกลงสร้างความมั่นคงพลังงานอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Petroleum Security) ซึ่งจะร่วมกันจัดตั้งกลไกสำหรับช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนปิโตรเลียมในสภาวะวิกฤติด้านพลังงานหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยการร่วมกันจัดหา/แบ่งปันปิโตรเลียมให้ประเทศผู้ประสบปัญหาเพื่อบรรเทาปัญหา โดยการให้ความช่วยเหลือจะเป็นไปตามความสมัครใจและความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ สมาชิกอาเซียนจะร่วมกันพัฒนาและปรับใช้มาตรการด้านพลังงานทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคพลังงานในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ประเทศไทย เป็นประเทศนำเข้าพลังงานสุทธิ การสร้างความมั่นคงทางพลังงาน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และการที่มีความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ก็เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งจากทั้ง 2 ข้อตกลงดังกล่าว ตนจะเป็นผู้แทนจากประเทศไทยไปลงนามในการประชุม AMEM โดยถือเป็นกลไกสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือจากประเทศสมาชิกที่มีศักยภาพในการแบ่งปันน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และการเชื่อมโยงด้านไฟฟ้า 

รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและสร้างรายได้จากการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอีกด้วย