KEY
POINTS
รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุมิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เริ่มทำงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวันนี้ (24 ก.ย. 68) หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นที่เรียบร้อย
ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งครม.ชุดใหม่ เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน
ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่มีนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจนก็คือ ลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ,ผลักดันโครงการคนละครึ่ง ,ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง ค่าพลังงาน และสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน
สำหรับนโยบายลดค่าครองชีพ ค่าพลังงานนั้น ก่อนหน้านี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าไฟงวดแรกปี 69 (ม.ค.-เม.ย.) น่าจะลดลงได้อีกอย่างน้อย 4 สตางค์ต่อหน่วยจากงวดปัจจุบัน ที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย
ซึ่งนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่กำลังดูแนวทางอยู่ว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง
ขณะที่ล่าสุดนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าสักการะพระพรหมที่ลานพระพรหมกระทรวงพังงานว่า เตรียมเดินหน้าภารกิจเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือ การลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานของประชาชน ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ต้องดำเนินการทันที
ต่อประเด็นเรื่องแนวโน้มการลดค่าไฟดังกล่าวนายดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระบุกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หากดูจากสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกทั้งราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในปัจุบันซึ่งมีแนโน้มลดลง ก็มีโอกาสที่จะทำให้ค่าไฟลดลง 4 สตางค์ต่อหน่วยได้ในงวดแรกของปี 69
“ราคา LNG ในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี ก็มีการเร่งซัพพลายในตลาดโลก ซึ่งมีผลทำให้ราคาดลง”
ส่วนแนวทางในการดำเนินการนั้น สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา เช่น การยืดชำระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไป
ขณะที่การใช้เงินเงินเรียกคืนจาก 3 การไฟฟ้า ได้แก่ กฟผ. ,การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในส่วนที่ไม่ได้ใช้ หรือ Claw Back ก็สามารถทำได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเรียนว่าการใช้เงิน Claw Back จะต้องมีเหตุผลในการใช้ โดยปัจจุบันเงินดังกล่าวเหลืออยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเงิน Claw Back จะต้องมีการประมวลผลทุกรอบปี โดยจะต้องดูว่ารอบถัดคือตั้งแต่ปีนี้ตนถึงปี 69 มีเงินไหลเข้ามาเพิ่มหรือไม่ หากทั้ง 3 การไฟฟ้ามีการเร่งรัดการใช้เงิน และมีประสิทธิภาพในการลงทุนสูง เงินที่จะเข้ามาเติมในส่วนของ Callback ก็จะน้อยลง
“การพิจารณาเรื่องค่าไฟจะต้องดูปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก ต้นทุนของราคาค่าไฟ และความจำเป็นของประชาชน โดยที่ผลสรุปทั้งหมดขึ้นอยู่กับการประมวลภาพโดยรวม ซึ่งหลังจากนี้คงได้มีการหารือกับ รมว. พลังงานต่อไป ในเรื่องของนโยบายค่าไฟ”