KEY
POINTS
ลดค่าไฟ 4 สตางค์เป็นอย่างน้อยงวดแรกของปี 69 (ม.ค.-เม.ย.) เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศออกมาตั้งแต่ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
โดยนายนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าไฟงวดแรกปี 69 น่าจะลดลงได้อีกอย่างน้อย 4 สตางค์ต่อหน่วยจากงวดปัจจุบัน ที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย
ซึ่งนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่กำลังดูแนวทางอยู่ว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง
ต่อเรื่องดังกล่าวศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ อดีตคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงาน กล่าวให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การลดค่าไฟในระดับดังกล่าวน่าจะสามารถเป็นไปได้ เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเท่าใดนัก
อีกทั้ง แนวโน้มในระยะต่อไปก็มีแนวโน้มที่ระดับราคาจะไม่สูงมากนัก ดังนั้น เมื่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าไม่ได้สูง โอกาสที่ค่าไฟจะลดลงจึงมีความเป็นไปได้
“หากดูจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าดังกล่าว แน่นอนว่าค่าไฟของไทยที่ประชาชนต้องจ่ายก็มีโอกาสที่จะลดลงได้ตามที่รัฐบาลระบุไว้ แต่ก้ต้องดูสถานการณ์ในระยะข้างหน้าให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เวลานี้คงระบุแนน่ชัดเลยไม่ได้”
ส่วนแนวทางในการดำเนินการเชื่อว่าคงหนีไม่พ้นการยืดการชำระหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไปอีก ขณะที่เงินเรียกคืนจาก 3 การไฟฟ้า ได้แก่ กฟผ. ,การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในส่วนที่ไม่ได้ใช้ หรือ Claw Back น่าจะเหลืออีกไม่มาก เพราะมีการนำมาใช้แล้วใน 2 งวดล่าสุด
ศ.ดร.พรายพล กล่าวต่ออีกว่า เห็นด้วยที่จะมีการลดค่าไฟเพื่อลดรายจ่ายของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าหากทำให้ต้นทุนค่าครองชีพลดลงได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงยังจะมีส่วนในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง เพียงแต่มองว่าไม่ควรที่จะลดมากจนไป เพราะยังมีหนี้ที่ต้องชำระคืน กฟผ. อยู่
สำหรับค่าไฟ 2 งวดล่าสุดที่ประชาชนต้องจ่ายภายใต้รัฐบาลของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ประกอบด้วย