นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ(ชธ.) เปิดเผยถึงการจัดหาแหล่งพลังงานเพื่อความมั่นคง ลดต้นทุนประเทศพลังงานในประเทศ ว่า เดือนธันวาคมปี 68 กรมฯคาดว่าจะได้ผู้ชนะประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบกครั้งที่ 25 จากผู้ยื่นประมูล 5 บริษัท รวม 8 คำขอ มีบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. ยื่นขอสิทธิมากที่สุดจำนวน 3 คำขอ
,แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด และ บริษัท CanAsia Energy Corp. จำนวน 1 คำขอ
และ ยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด จำนวน 2 คำขอ โดยถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐที่จะชี้ให้นักลงทุนเห็นว่า ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพในการสำรวจพบปิโตรเลียม
ซึ่งการเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบนบกดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้ รวมถึงสร้างผลประโยชน์ให้รัฐในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และขับเคลื่อนการเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต่อเนื่องอื่นอีกจำนวนมาก จากธุรกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงภาคขนส่ง รวมมูลค่าลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมกว่า 2,400 ล้านบาท
ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าก๊าซ LNG เพื่อผลิตไฟฟ้า ในความคิดเห็นส่วนตัวเชื่อว่าการนำเข้าจากแห่งไหนก็ตามจะมีต้นทุนที่สูงกว่าการจัดหาเชื้อเพลิงในประเทศ เพราะด้วยราคานำเข้าไม่เสถียร และยังคงมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงพลังงาน
โดยจะเห็นว่าช่วงสงครามตะวันออกกลาง ราคา LNG พุ่งสูงขึ้น 2-3 เท่าตัว ทำให้ราคาพลังงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะค่าไฟ ทำให้รัฐบาลจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อพยุงราคาพลังงาน