ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯลดลงมากกว่าคาด

18 ส.ค. 2565 | 01:51 น.

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 18 สิงหาคม 2565

 

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. 2565 ปรับตัวลดลงกว่า 7.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 425 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 2.75 แสนบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงราว 1.1 ล้านบาร์เรลเช่นกัน สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่ง

- ตลาดได้รับแรงกดดัน หลังมีรายงานว่ารัสเซียกำลังเริ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจากความต้องการซื้อในเอเชียที่มากขึ้น โดยคาดว่ารัสเซียจะมีรายได้จากการส่งออกพลังงานในปีนี้อยู่ที่ 337.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 38

 

- สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า กำลังอยู่ระหว่างช่วงการพิจารณาและปรึกษาคำตอบของอิหร่านในการเจรจารื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558  โดยหากอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซค คาดว่าการเจรจาจะยังไม่สามารถตกลงกันได้เร็วๆ นี้ และหากตกลงกันได้ ก็อาจใช้เวลาอย่างน้อยถึงไตรมาสที่ 1 ปีหน้า ในการทยอยปรับเพิ่มการผลิต อย่างไรก็ตาม หากไม่เป็นดังคาด ราคาอาจปรับลดลง 5-10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯลดลงมากกว่าคาด

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในญี่ปุ่นตึงตัวขึ้นจากปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินที่ปรับลดลง และการดำเนินการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นภายในประเทศที่จะมาถึง อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้ที่เริ่มชะลอตัวในฟิลิปปินส์ จากกิจกรรมการขับขี่ที่มีแนวโน้มลดลงหลังสิ้นสุดช่วงปิดภาคเรียน
 


ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับลดลงจากการส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังแอฟริกาใต้และแถบเมดิเตอร์เรเนียนมากขึ้น ขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคยังคงทรงตัว 

 

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์