สศอ.ชี้เศรษฐกิจอุตฯเดือนธ.ค.ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง-ลงทุนเอกชนหดตัวสูง

29 ธ.ค. 2568 | 07:58 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2568 | 07:58 น.

สศอ.ชี้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมไทยเดือนธ.ค.ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง ระบุเป็นวัฏจักรขาลง การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • สศอ. เผยระบบเตือนภัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2568 ส่งสัญญาณให้เฝ้าระวัง โดยเฉพาะปัจจัยในประเทศที่อยู่ในช่วงขาลง
  • การลงทุนภาคเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา เนื่องจากยังคงหดตัวสูงอย่างต่อเนื่อง
  • ภาวะดังกล่าวเป็นผลจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายนที่หดตัว 4.24% จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เงินบาทแข็งค่า และอุทกภัย

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤศจิกายน 68 ว่า อยู่ที่ระดับ 90.54 หดตัว 4.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 55.49% เนื่องจากการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียมลดลงจากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ 

เงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้นและกระทบความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของไทย ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ส่งผลให้ภาคการผลิตในพื้นที่ต้องหยุดผลิตชั่วคราว และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากระทบการค้าชายแดน 

 

โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันปิโตรเลียม และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น 

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น เนื้อไก่แช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป รองเท้า เบียร์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น

สศอ.ชี้เศรษฐกิจอุตฯเดือนธ.ค.ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง-ลงทุนเอกชนหดตัวสูง

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้แก่ การผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากผู้ประกอบการต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อชดเชยการนำเข้าในปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 และมาตรการสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน เป็นต้น

ด้านระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนธันวาคม 2568 ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง โดยปัจจัยในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลงและมีภาวะต้องเฝ้าระวังโดยปัจจัยด้านการลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูงต่อเนื่อง 

ขณะที่การบริโภคในประเทศได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลงตามการส่งออกของจีนและออสเตรเลียที่ขยายตัว ขณะที่การผลิตของสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียนยังคงต้องเฝ้าระวัง

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤศจิกายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 

น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 40.79% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตามปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากปริมาณฝนและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย 

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.40% จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ และ IC เป็นหลัก ตามการเติบโตของตลาเซมิคอนดักเตอร์โลก

น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 165.52% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้นกว่าปีก่อนเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และราคาอ้อยในฤดูกาลผลิต 2566/67 มีราคาสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

ด้านอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤศจิกายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.52% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันเครื่องบิน เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่

เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25.66% จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว และมีสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน

ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.35% จากผลิตภัณฑ์ถุงมือยางทางการแพทย์ และยางแท่ง เป็นหลัก ตามปริมาณน้ำยางออกสู่ตลาดลดลงจากอุทกภัยทางภาคใต้