เศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดยอดตั้งธุรกิจใหม่ พ.ย. 68 ร่วงหนัก 22%

25 ธ.ค. 2568 | 04:46 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2568 | 06:38 น.

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เผย พ.ย.68 ตั้งธุรกิจใหม่ 5,554 ราย ลดลง 22% สะท้อนเศรษฐกิจชะลอ แต่โรงแรม รีสอร์ท ค้าส่ง และขนส่งโตเด่น ดันอัตราตั้งใหม่ต่อเลิกสูงถึง 5 ต่อ 1 ทั้งปีคาดแตะ 8.5 หมื่นราย

KEY

POINTS

  • ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีจำนวน 5,554 ราย ลดลง 22% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • การลดลงของยอดจดทะเบียนสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่อยู่ในช่วงชะลอตัว
  • มูลค่าทุนจดทะเบียนของธุรกิจใหม่ลดลงเช่นกัน โดยลดลง 32% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลวิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 5,554 ราย เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน กับเดือนตุลาคม 2568 (7,165 ราย) ลดลง 1,611 ราย คิดเป็น 22% และเมื่อเทียบแบบปีต่อปี กับเดือนพฤศจิกายน 2567 จำนวน 6,266 ราย ลดลง 712 ราย คิดเป็น 11%

ขณะที่ทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 14,860 ล้านบาท เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือนกับเดือนตุลาคม 2568 มูลค่า 21,778 ล้านบาท ลดลง 6,917 ล้านบาท คิดเป็น 32% และเมื่อเทียบแบบปีต่อปี กับเดือนพฤศจิกายน 2567 มูลค่า 24,220 ล้านบาท ลดลง 9,360 ล้านบาท คิดเป็น 39%

จากสถิติข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในภาวะชะลอตัว ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์อัตราการเติบโตของการจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า มี 3 ประเภทธุรกิจที่ขยายตัวอย่างน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2567 

 

3 ประเภทธุรกิจขยายตัวน่าสนใจ

  • ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด มีจำนวน 1,339 ราย เพิ่มขึ้น 428 ราย คิดเป็น 46.98% ทุนจดทะเบียน 12,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,476 ล้านบาท 
  • ธุรกิจการขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนฯ มีจำนวน 1,426 ราย เพิ่มขึ้น 437 ราย คิดเป็น 44.19% ทุนจดทะเบียน 2,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 577 ล้านบาท 
  • ธุรกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร มีจำนวน 1,876 ราย เพิ่มขึ้น 415 ราย คิดเป็น 28.41% ทุนจดทะเบียน 2,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 531 ล้านบาท

 

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

 

ด้านการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนพฤศจิกายน 2568 มีจำนวน 2,494 ราย เมื่อเทียบแบบเดือนต่อเดือน กับเดือนตุลาคม 2568 จำนวน 2,298 ราย เพิ่มขึ้น 196 ราย คิดเป็น 9% และเมื่อเทียบแบบปีต่อปี กับเดือนพฤศจิกายน 2567 จำนวน 2,852 ราย ลดลง 358 ราย คิดเป็น 13%

เมื่อเทียบอัตราจัดตั้งธุรกิจต่อการจดเลิกธุรกิจย้อนหลัง 5 ปี (2563-2567) อยู่ที่อัตรา 4:1 ขณะที่ในปี 2568 (มกราคม-พฤศจิกายน) อยู่ที่ 5:1 ถือว่าภาพรวมอยู่ในทิศทางที่ดี และมีอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 2,044,893 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 31.73 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 970,081 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 23.32 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น

  • บริษัทจำกัด 770,906 ราย คิดเป็น 79.47% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 17.27 ล้านล้านบาท 
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 197,671 ราย คิดเป็น 20.38% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท
  • บริษัทมหาชนจำกัด 1,504 ราย คิดเป็น 0.15% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.62 ล้านล้านบาท 

 

เศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดยอดตั้งธุรกิจใหม่ พ.ย. 68 ร่วงหนัก 22%

 

สำหรับกลุ่มนิติบุคคลที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดคือ กลุ่มบริการ มีจำนวน 526,117 ราย ทุนจดทะเบียน 13.60 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มค้าส่ง/ค้าปลีก 318,212 ราย ทุนจดทะเบียน 2.62 ล้านล้านบาท และกลุ่มผลิต 125,752 ราย ทุนจดทะเบียน 7.10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.24%, 32.80% และ 12.96% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ

นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. - พ.ย. 2566) มีการจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ไปแล้วกว่า 80,000 รายเศษ คาดว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือประมาณ 85,000 ราย

"การจดทะเบียนธุรกิจเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ ปีนี้เราเจอทั้งแผ่นดินไหว ภัยพิบัติ และความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ประคองเศรษฐกิจมาได้ระดับนี้ก็น่าพอใจ แต่ถ้าจะให้ดีควรขยายตัวมากกว่านี้"