ม.หอการค้า เปิดโผธุรกิจดาวรุ่ง–ดาวร่วง ปี 69 เช็กก่อนลงทุน

17 ธ.ค. 2568 | 04:29 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2568 | 06:36 น.

ม.หอการค้าไทย จัดอันดับธุรกิจปี 2569 คาด GDP โต 1.6% ชี้ชัด 10 ธุรกิจดาวรุ่งมาแรง AI- อีคอมเมิร์ซ-ความงาม พร้อมเตือน 10 ธุรกิจเสี่ยงร่วง ร้านขายหนังสือ-สื่อสิ่งพิมพ์-โชห่วย

KEY

POINTS

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เปิดเผยการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง และ 10 ธุรกิจดาวร่วง ประจำปี 2569 เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักลงทุน
  • ธุรกิจดาวรุ่งที่น่าจับตามองส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น Cloud Service, Cyber Security, E-commerce, คอนเทนต์ออนไลน์ รวมถึงธุรกิจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ เช่น การแพทย์และความงาม, พลังงานทดแทน และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • ธุรกิจดาวร่วงเป็นกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ร้านอินเทอร์เน็ต, สื่อสิ่งพิมพ์, ร้านหนังสือ, ร้านถ่ายรูป และธุรกิจผลิตสินค้าที่ไม่มีการปรับตัวตามยุคสมัย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้มีการจัดอันดับธุรกิจ ดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2569 โดยปัจจัยพื้นฐานมาจากเศรษฐกิจในปี 2569 และสภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวม คาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัวประมาณ 1.6% 

รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงสำรวจผู้ประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค การประเมินใช้เกณฑ์ 5 ด้าน เช่น ยอดขาย ต้นทุน กำไร ปัจจัยเสี่ยง และการแข่งขัน 

10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 69

1 . ธุรกิจ Cloud Service และธุรกิจบริการ Cyber Security

  • Social Mecia และ Onine Entertainment 

2. ธุรกิจจัดทําคอนเทนต์ ธุรกิจ YouTuber การรีวิวสินค้า และ Influencer 

  • ธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร เช่น ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หรือ สัญญานสื่อสารต่าง ๆ
  • ธุรกิจนายหน้าออนไลน์ ขายสินค้า

3. ธุรกิจ E-commerce (ธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์) 

  • ธุรกิจความเชื่อ (สายมู, หมอดู, ฮวงจุ้ย)

4. ธุรกิจการแพทย์และความงาม

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ 
  • ธุรกิจ AI 

5. ธุรกิจโลจิสติกส์ Delivery และคลังสินค้า

  • Street Food และตลาดนัดกลางคืน
  • ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ขายอาหาร อุปกรณ์และแฟชั่น และดูแลสัตว์ 

 

ม.หอการค้า เปิดโผธุรกิจดาวรุ่ง–ดาวร่วง ปี 69 เช็กก่อนลงทุน

6. ธุรกิจพลังงานทดแทน เซ่น โซลาร์เซลล์

  • ธุรกิจอาหารเสริมสุขภาพและความงาม 

7.ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทน หรือวางแผนทางการเงิน

  • ธุรกิจเกมส์

8. ธุรกิจให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ee (ธรกิจ EV Chargine Station) และติดตัง

  • ธุรกิจด้านการเงินธนาคาร Fintech และการชําระเงินผ่านระบบ เทคโนโลยี
  • Ed Tech (Technology in Education) 

9. ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต

  • ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอลล์)
  • ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม  

10. ธุรกิจรถยนต์ EV

  • ธุรกิจการบิน
  • ธุรกิจร้านเสริมสวย ต่อผม ทําเล็บ ธุรกิจดูแลเกี่ยวกับสภาพเส้นผม
  • ธุรกิจผู้หยอดเหรียญเครืองดื่ม อาหาร และธุรกิจเครื่องสะดวกซัก
  • ธุรกิจด้านกีฬา เช่น ให้บริการสนาม อุปกรณ์ 

 

ม.หอการค้า เปิดโผธุรกิจดาวรุ่ง–ดาวร่วง ปี 69 เช็กก่อนลงทุน

10 อันดับธุรกิจดาวร่วง ปี 69

1. ร้านให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Cafe)

  • ธุรกิจจําหน่ายและผลิตอุปกรณ์บันทึกข้อมูล

2. ร้านขายหนังสือ แผงหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์  

3. ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มี Platform Online

  • ส่งหนังสือพิมพ์ 

4. ร้านโชห่วย (Traditional Trade) 

5 . ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 

6. ธุรกิจถ่ายเอกสาร

7. ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม ไม่มีการออกแบบดีไซน์

8. ธุรกิจของเล่นเด็ก

9. ธุรกิจร้านถ่ายรูปและล้างอัดภาพ แบบดั้งเดิม

10. ธุรกิจรถยนต์มือสอง 

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจเด่น ได้มีการการวิเคราะห์ ภายใต้หลักการ "L-I-E-S" ซึ่งหมายถึง การใช้ชีวิตยืนยาวอย่างยั่งยืน 

  • L (Longevity) ธุรกิจสุขภาพและความงาม [6และอาหารเสริม/อาหารเพื่อสุขภาพ ยังคงโดดเด่น
  • I กลุ่มธุรกิจ ระบบคลาวด์/Data Center, Online Entertainment Social Media และ E-commerce เนื่องจากสังคมไทยเข้าสู่ยุค C Society ที่มีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด
  • E (Environment/Entertainment/Energy) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ESG, EV , Green Energy , ธุรกิจเกม และ Entertainment Online
  • S (Security/Safety).ธุรกิจประกัน (ชีวิต สุขภาพ ภัย) และที่โดดเด่นเป็นพิเศษในภาวะความเสี่ยงสูงคือ ธุรกิจสายมู (ความเชื่อ, เครื่องราง, ดูดวง) 

นอกจากนี้ ยังมีกรอบคิดที่ครอบคลุมทั้งหมดคือ M (Modern) ในกรอบที่เรียกว่า MILES  ซึ่งเป็นแนวโน้มธุรกิจที่ทันสมัย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ (Gen Y, Gen Z) และตอบสนองความต้องการในยุคเศรษฐกิจขาลงที่เน้นความคุ้มค่า ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย