วิศิษฐ์ ชี้ ยุบสภากระทบเศรษฐกิจไม่แรง ลุ้นยาก 'คนละครึ่งพลัส' เฟส2

12 ธ.ค. 2568 | 06:42 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2568 | 07:01 น.

'วิศิษฐ์' ชี้ ยุบสภาจะไม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรง เพราะรัฐบาลรักษาการได้เตรียมการไว้แล้ว แต่โครงการใหม่ เช่น 'คนละครึ่งพลัส' เฟส 2 อาจไม่มี ด้านนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนออกไปก่อน คาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้ายังชะลอตัว

KEY

POINTS

  • การยุบสภาจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลรักษาการได้เตรียมอนุมัติงบประมาณและเรื่องสำคัญไว้ล่วงหน้าแล้ว
  • สถานะรัฐบาลรักษาการมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถอนุมัติโครงการใหม่ๆ ได้ ซึ่งอาจทำให้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะเดียวกับ "คนละครึ่งพลัส" ต้องถูกยกเลิก
  • นักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการตัดสินใจลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูความชัดเจน แต่โครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วยังสามารถทำต่อไปได้

วันนี้ (12 ธันวาคม 2568) นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และรองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยฐานเศรษฐกิจว่า ผลกระทบจากการยุบสภาต่อเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่รุนแรง เนื่องจากรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบันรับทราบระยะเวลาของตนเอง และได้มีการประเมินการยุบสภาล่วงหน้า รวมถึงเตรียมการอนุมัติงบประมาณและเรื่องสำคัญที่ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้เกือบทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานะรัฐบาลรักษาการ จะมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถอนุมัติโครงการใหม่ ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมจะเสนอเข้า ครม. อาทิ โครงการที่คล้ายกับ "คนละครึ่งพลัส" อาจถูกยกเลิกไป

ทั้งนี้ โครงการเดิม ๆ หรือเรื่องที่เคยดำเนินการไว้แล้วยังสามารถทำต่อเนื่องได้ โดยมี ข้าราชการประจำสามารถดำเนินการได้ ภายใต้กรอบที่ได้รับอนุมัติมาตั้งแต่ต้นนักลงทุนชะลอการตัดสินใจ เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

ด้านนักลงทุน ประเมินว่าจะ ส่งผลบ้าง สำหรับรายที่ยังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ โดยอาจจะชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน แต่สำหรับนักลงทุนที่ตัดสินใจแล้วและเดินหน้าตามแผนงานเดิม ยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีไทม์ไลน์เรื่องการเลือกตั้งเป็นตัวกำหนดความชัดเจน

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้า คาดการณ์ว่า คงจะยังไม่ถึงกับดีขึ้นทันตาเห็น แต่สถานการณ์ในปีปัจจุบันน่าจะถึงเบสไลน์ หรือ จุดต่ำสุด แล้ว ซึ่งหมายความว่าสถานการณ์ไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้ แต่การฟื้นตัวจะเร็วหรือช้าเพียงใดนั้น ต้องอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจโลกเข้ามาสนับสนุน

จับตาความเรียบร้อยการเลือกตั้งใน 60 วัน

ปัจจัยภายในประเทศที่ต้องจับตา ได้แก่ เรื่องความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่อาจยังส่งผลกระทบในหลายจังหวัด และที่สำคัญที่สุดคือความเรียบร้อยในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้งนั้นจะต้องทำพร้อมกันทั้งประเทศ

ทั้งนี้หากสามารถดำเนินการเลือกตั้งได้อย่างเรียบร้อยภายในเงื่อนเวลาที่ระบุไว้ 45-60 วัน จะเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้ และถือเป็นปัจจัยที่ตลาดสามารถรอรับได้