ม.หอการค้า ประเมินเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา หนักสุดเสียหาย 3,000 ล้าน

09 ธ.ค. 2568 | 09:47 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2568 | 10:07 น.

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้าไทย ประเมินสถานการณ์ชายแดนภายใต้ 3 ฉากทัศน์ ย้ำผลกระทบโดยรวมไม่รุนแรง แม้มีปิดด่านและอพยพประชาชน ชี้มูลค่าความเสียหายส่วนใหญ่เป็นค่าเสียโอกาส 1,000-3,000 ล้าน

KEY

POINTS

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินความเสียหายและค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาไว้ที่ 1,000-3,000 ล้านบาท
  • การประเมินผลกระทบแบ่งเป็น 3 ฉากทัศน์ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของสถานการณ์ว่าจะสิ้นสุดใน 10 วัน, 20 วัน หรือยืดเยื้อเกิน 1 เดือน
  • ผลกระทบในภาพรวมไม่รุนแรง เนื่องจากพื้นที่ขัดแย้งไม่ใช่ศูนย์กลางธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย'ฐานเศรษฐกิจ' เกี่ยวกับผลกระทบเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ประเมินสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดน ภายใต้ 3 ฉากทัศน์ คือ สถานการณ์จบลงใน 10 วันสถานการณ์จบลงใน 20 วัน และสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือน โดยภาพรวมผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมไม่รุนแรง แม้มีการปิดด่านและอพยพประชาชน

โดยประเมินมูลค่าความเสียหายและค่าเสียโอกาสจากการทำธุรกรรมและการค้าในพื้นที่จำกัดอยู่ที่ 1,000-3,000 ล้านบาท เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ศูนย์กลางธุรกิจหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ทั้งนี้ การปิดด่านชายแดนในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการค้าปกติ ซึ่งด่านดังกล่าวมีมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่าความเสียหายหลักเป็น 'ค่าเสียโอกาส' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยและการทำธุรกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง 

ทั้งนี้ การปิดด่านชายแดนในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการค้าปกติ ซึ่งด่านดังกล่าวมีมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่าความเสียหายหลักเป็น 'ค่าเสียโอกาส' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยและการทำธุรกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง 

อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมการค้าและกำลังซื้อที่หายไปจากพื้นที่ที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง อาจไม่ได้สูญเสียไปทั้งหมด แต่จะ "ย้าย" ไปยังพื้นที่หรือจังหวัดอื่นแทน เนื่องจากผู้ประสบภัยที่อพยพยังคงต้องมีการซื้อขายสินค้าและบริการตามปกติ

'สาเหตุหลักที่ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ไม่รุนแรง ไม่ใช่ศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม อีกทั้งไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงการเสียโอกาสในการทำธุรกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก'