KEY
POINTS
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย'ฐานเศรษฐกิจ' เกี่ยวกับผลกระทบเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ประเมินสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดน ภายใต้ 3 ฉากทัศน์ คือ สถานการณ์จบลงใน 10 วันสถานการณ์จบลงใน 20 วัน และสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือน โดยภาพรวมผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมไม่รุนแรง แม้มีการปิดด่านและอพยพประชาชน
โดยประเมินมูลค่าความเสียหายและค่าเสียโอกาสจากการทำธุรกรรมและการค้าในพื้นที่จำกัดอยู่ที่ 1,000-3,000 ล้านบาท เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ศูนย์กลางธุรกิจหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ทั้งนี้ การปิดด่านชายแดนในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการค้าปกติ ซึ่งด่านดังกล่าวมีมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่าความเสียหายหลักเป็น 'ค่าเสียโอกาส' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยและการทำธุรกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ การปิดด่านชายแดนในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบต่อการค้าปกติ ซึ่งด่านดังกล่าวมีมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน มูลค่าความเสียหายหลักเป็น 'ค่าเสียโอกาส' ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยและการทำธุรกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง
อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมการค้าและกำลังซื้อที่หายไปจากพื้นที่ที่เกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียง อาจไม่ได้สูญเสียไปทั้งหมด แต่จะ "ย้าย" ไปยังพื้นที่หรือจังหวัดอื่นแทน เนื่องจากผู้ประสบภัยที่อพยพยังคงต้องมีการซื้อขายสินค้าและบริการตามปกติ
'สาเหตุหลักที่ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ไม่รุนแรง ไม่ใช่ศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรม อีกทั้งไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวหลัก ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงการเสียโอกาสในการทำธุรกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นหลัก'