‘อัครา’ ประกาศยุติข้อพิพาท TAFTA ดันไทยฮับค้าทองคำอาเซียน

09 ธ.ค. 2568 | 00:11 น.

‘อัครา’ ประกาศยุติข้อพิพาท ‘TAFTA’ เดินหน้าเหมืองทองชาตรี พร้อมดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าทองคำในภูมิภาคอาเซียน

KEY

POINTS

  • บริษัทคิงส์เกตฯ และรัฐบาลไทยบรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทในกระบวนการอนุญาโตตุลาการภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
  • อัคราประกาศความพร้อมร่วมมือกับภาครัฐ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำและเงินในภูมิภาคอาเซียน
  • เหมืองแร่ทองคำชาตรีกลับมาดำเนินงานและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านการลงทุน สร้างงาน และกระจายรายได้สู่ชุมชน

ตามที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด (“คิงส์เกต”) ผู้ถือหุ้นของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “อัครา”) และรัฐบาลไทย ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติกระบวนการอนุญาโตตุลาการที่มีมาตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย–ออสเตรเลีย (TAFTA) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า การยุติข้อพิพาทอย่างสันติ  เป็นทางออกที่ดีที่สุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ผู้บริหารระดับสูงของคิงส์เกต นำโดย นายรอส สมิธ-เคิร์ก ประธานคณะกรรมการบริหาร และนายเจมี่ กิ๊บสัน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมทั้งนายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนองค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้เข้าพบนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการรับทราบถึงการยุติข้อพิพาท TAFTA และหารือถึงโอกาสในการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการทำเหมืองอย่างรับผิดชอบสอดคล้องกับมาตรฐานสากล 

ซึ่งบริษัทฯ พร้อมร่วมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำและเงินในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากไทยมีศักยภาพทั้งด้านทรัพยากรและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยคิงส์เกตเชื่อมั่นว่าเหมืองแร่ทองคำชาตรีจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างงาน การกระจายรายได้ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบต่อเนื่องไปอีกนาน 

‘อัครา’ ประกาศยุติข้อพิพาท TAFTA ดันไทยฮับค้าทองคำอาเซียน

นับตั้งแต่การกลับมาดำเนินงานของเหมืองทองคำชาตรีในเดือนมีนาคม 2566 คิงส์เกตได้ลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกเครื่องปรับปรุงอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานภายในเหมือง การสำรวจแหล่งแร่เพิ่มเติม การสรรหาและพัฒนาบุคลากร รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง 

และบริษัทฯ ได้ชำระค่าภาคหลวงแร่ไปแล้วรวมกว่า 2,000 ล้านบาท อีกทั้งยังได้สมทบเงินเข้ากองทุนตามนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรแร่มากกว่า 450 ล้านบาท สนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ผ่านการจ้างงานทั้งทางตรงและผ่านผู้รับเหมาท้องถิ่น ซึ่งได้สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนปีละหลายพันล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยลงพื้นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนรอบเหมืองอย่างสม่ำเสมอ 

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด การดำเนินงานทุกอย่างของเหมืองแร่ทองคำชาตรีเป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล 

และยังได้จัดให้มีการตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินงานของเหมืองไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในชุมชนใกล้เคียง เช่นเดียวกับพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งหลายคนทำงานที่เหมืองมานานกว่า 10-20 ปี และมีผลการตรวจสุขภาพที่ดี 

“พนักงานประมาณ 85% เป็นคนในพื้นที่ หากการดำเนินงานของเหมืองไม่ปลอดภัยจริง คงไม่มีใครยอมเสี่ยงชีวิต ทั้งของตัวเองและคนในครอบครัวเพื่อแลกกับค่าตอบแทนจากการทำงานที่นี่ ความไว้วางใจจากชุมชนและพนักงานคือเครื่องยืนยันสำคัญ นอกจากนี้ เงินจากกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบเหมืองแร่ที่อัครานำส่ง ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องในชุมชนรอบเหมืองในมิติต่างๆ อย่างกว้างขวาง ล่าสุดคือ การที่องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ได้นำไปใช้ในการติดตั้งไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและเสริมความปลอดภัยในการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี”