'ศุภจี' โชว์ผลงาน 2 เดือน Quick Big Win หนุนสร้างเศรษฐกิจ 3.5 หมื่นล้าน

08 ธ.ค. 2568 | 23:20 น.

'ศุภจี' รมว.พาณิชย์ โชว์ผลงาน ต.ค.–พ.ย. ชู Quick Big Win เดินหน้า 7 นโยบายหลัก สร้างเศรษฐกิจ 35,510 ล้านบาท เตรียมลุยมาตรการปลายปีและตั้งเป้าส่งออกปี 2569 ผ่าน 3 สมมติฐาน

KEY

POINTS

  • รมว. พาณิชย์ 'ศุภจี' เผยผลงาน 2 เดือนภายใต้นโยบาย Quick Big Win สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้กว่า 35,510 ล้านบาท
  • ความสำเร็จมาจากการขับเคลื่อน 7 นโยบายหลักที่ครอบคลุมการลดค่าครองชีพ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การส่งเสริม SME และการเจรจาการค้า
  • โครงการเด่นที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า" ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านยา การจัดงานธงฟ้า และการผลักดันการส่งออกข้าวและมันสำปะหลัง

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการขับเคลื่อนงานกระทรวงพาณิชย์ในช่วง 2 เดือน ที่เข้ามารับตำแหน่ง (ต.ค.-พ.ย.) ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน ได้กำหนดนโยบายสำคัญ 7 นโยบายที่ใช้ขับเคลื่อนงานกระทรวงพาณิชย์ 

ขณะนี้ มีความคืบหน้าทุกนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลค่าครองชีพ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การดูแลผู้ประกอบการ SME การดูแลเศรษฐกิจชายแดน การรับมือภาษีสหรัฐฯ การเจรจา FTA และบุกตลาดใหม่ รวมถึงการพัฒนางานบริการ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้เพิ่มขึ้น 35,510 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.18% ของจีดีพี 

ผลงานสำคัญ  7 นโยบาย

การดูแลค่าครองชีพ ได้ผลักดันโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า เปิดให้ซื้อยานอกโรงพยาบาล มีโรงพยาบาลเข้าร่วมกว่า 300 แห่ง ร้านขายยา 3,590 ร้าน ลดค่าครองชีพ 2 เดือน 5,400 ล้านบาท และใน 1 ปี ตั้งเป้า 33,500 ล้านบาท จัดงานธงฟ้า 102 ครั้ง ลดค่าครองชีพ 750 ล้านบาท เปิดตัวข้าวถุงโอชาจำหน่ายที่การเคหะทั่วประเทศ และร่วมมือกับห้างท้องถิ่น 101 แห่ง 800 สาขา ลดราคาสินค้า สร้างมูลค่าการค้า 376 ล้านบาท  

การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ได้ผลักดันโครงการธงเขียวจำหน่ายปุ๋ยเคมีและปัจจัยเกษตรราคาถูก 10 จังหวัด ลดต้นทุน 21 ล้านบาท ดำเนินการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงดูแลมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยังได้ผลักดันขายข้าวจีทูจีให้กับจีน 5 แสนตัน คาดว่าจะเซ็นสัญญา 1 แสนตันแรก

ขณะที่ในเดือนธ.ค.นี้ และเริ่มส่งมอบหลังจากนั้น ลงนาม MOU ขายข้าวสิงคโปร์ 1 แสนตัน ดูแลผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง เพื่อรักษาตลาดข้าว 1.6 แสนตัน มีการขายมันสำปะหลังให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100 ล้านบาท ARASCO ของซาอุดิอาระเบีย 3 หมื่นตัน คาดปีหน้าอาจซื้อ 1 แสนตัน และผลักดันข้าวประณีต เน้นขายข้าวคุณภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 

การเสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME ได้ส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ ดึง SME D Bank ให้สินเชื่อ 8 แฟรนไชส์ 439 ล้านบาท ส่งเสริมสินค้า GI จัดแคมเปญ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ใหม่ 4 รายการ ได้แก่ ทุเรียนชุมพร กกเหล่าพัฒนา (นครพนม) ไก่เบตงยะลา และผ้าทอนาหมื่นศรี (ตรัง) ส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านโครงการ SMEs Pro-active 104 ราย สร้างมูลค่าการค้า 179 ล้านบาท ส่งเสริมสินค้าอัญมณี จัดงาน Bangkok Jewelry Week 2025 มูลค่าการค้า 1.44 ล้านบาท พาณิชย์จังหวัดเปิดจุดจำหน่ายสินค้า 28 ครั้ง ช่วย SME มีช่องทางจำหน่ายสินค้า และช่วย Upskill Reskill ธุรกิจยุคดิจิทัล สัมมนาผู้ประกอบการยุคใหม่

 

'ศุภจี' โชว์ผลงาน 2 เดือน  Quick Big Win หนุนสร้างเศรษฐกิจ 3.5 หมื่นล้าน

 

การค้าออนไลน์ ทักษะบริหารจัดการธุรกิจ อบรมผ่านระบบ DBD Academy เสริมสร้างความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์รวมกว่า 32,000 ราย

การดูแลเศรษฐกิจชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านและไทย-กัมพูชา ได้จัดธงฟ้าชายแดน 11 จังหวัด ลดค่าครองชีพ 24 ล้านบาท เปิดตัว “ซิม ออฟ เชียร์ by MOC” ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำหน่ายสินค้าส่วนท้องถิ่นและอาเซียนในราคาย่อมเยา คาดมูลค่า 20 ล้านบาท จัดทำ E-Catalog ประชาสัมพันธ์สินค้าเด่นจาก 7 จังหวัดชายแดน ไทย-กัมพูชา เพิ่มช่องทางสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสู่ตลาดวงกว้าง ดึงไปรษณีย์ขนส่งฟรี คนละ 1,000 บาท ลดค่าครองชีพ 1 ล้านบาท ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 1,000 ราย

การรับมือภาษีสหรัฐฯ และการเบี่ยงเบนทางการค้าจากประเทศอื่น ๆ เร่งเจรจาความตกลง Reciprocal Trade กับสหรัฐฯ ตั้งเป้าสรุปผลภายในสิ้นปี 2568 โดยได้ส่งหนังสือยืนยันกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ว่า ไทยพร้อมเดินหน้าเจรจาต่อ แต่ทาง USTR ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา 

ส่วนการเตรียมการให้ผู้ประกอบการ ได้ทำต่อเนื่อง มีการจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ 30 ราย นัดหมาย 45 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 360 ล้านบาท เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า รวมไปถึงการกวาดล้างธุรกิจนอมินี มีการดำเนินการกับผู้กระทำผิดแล้ว 11 ราย 

 

'ศุภจี' โชว์ผลงาน 2 เดือน  Quick Big Win หนุนสร้างเศรษฐกิจ 3.5 หมื่นล้าน

 

การเจรจา FTA และบุกตลาดใหม่ ได้เสนอ FTA ไทย-เอฟตาเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาพิจารณา และจะผลักดันให้มีผลบังคับใช้ช่วงครึ่งปีแรก 2569 FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) จะหารือต่อเนื่อง คาดมีความคืบหน้าสำคัญในไตรมาสแรก ปี 2569 เร่งรัดการเจรจา FTA ไทย-เกาหลีใต้ ให้สรุปโดยเร็วที่สุด การผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA มีผู้ประกอบการได้ประโยชน์ 120 ราย จัด Special Task Force บุกตลาดศักยภาพ ซาอุดีอาระเบีย เอเชียกลาง อเมริกาใต้ อเมริกา สร้างมูลค่าการค้า 350 ล้านบาท และจัด Trade Promotion 12 กิจกรรม สร้างมูลค่าการค้า 10,000 ล้านบาท 

การพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการ และปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอนราชการ ได้ยกระดับบริการดิจิทัลพาณิชย์ มีการจัดทำ Dashboard สินค้าข้าว เพื่อคาดการณ์ผลผลิต พัฒนาระบบ MOC Plus ใช้ AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะให้คำปรึกษา และบริการออนไลน์ ระบบออกใบอนุญาต หนังสือรับรองสินค้าที่ต้องใช้สองทาง (DUI) เชื่อมโยง e-Service กับแอปทางรัฐ 6 บริการ บูรณาการ ก.ล.ต. และ SET สั่งข้อมูลผ่านระบบ e-One Report ปรับระเบียบการซื้อหุ้นคืนของบริษัทมหาชนจำกัด ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ของต่างประเทศ ภายใต้ความตกลง FTA และจัดทำหลักเกณฑ์กำกับดูแล EV Charger ให้เที่ยงตรง 

นางศุภจี กล่าวว่า สำหรับในช่วง 2 เดือนที่เหลือของอายุรัฐบาล จะเดินหน้าลดค่าครองชีพต่อเนื่อง ทำโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า เฟส 2 จัดมหกรรมลดราคาสินค้า 1 เดือน ช่วงปีใหม่ เดินหน้ามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร และเร่งส่งมอบข้าวให้กับจีนและสิงคโปร์ ส่งเสริม SME ทั้งแฟรนไชส์ จัดเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอีสาน เอ็กซ์โป 2026 จัดมหกรรมการค้าชายแดน จัดงาน ชิม ชอป เชียร์ By MOC เตรียมต้อนรับคณะผู้นำเข้าสหรัฐฯ เยือนไทย เร่งรัดจัดการนอมินีแบบพุ่งเป้า 

 

'ศุภจี' โชว์ผลงาน 2 เดือน  Quick Big Win หนุนสร้างเศรษฐกิจ 3.5 หมื่นล้าน

 

นอกจากนี้ มีการออกของขวัญปีใหม่ให้มิจฉาชีพที่จะป้องกันนอมินีนิติบุคคล เร่งหาตลาดใหม่ อาทิ อินเดีย รัสเซีย แคนาดา เข้าร่วประชุม WEF 2026 จัด Special Task Force บุกเจาะตลาด และเตรียมเดินหน้าบริการดิจิทัลที่อยู่ในความดูแลให้มีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยคาดว่า จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 91,956 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.46% ของ GDP

ทั้งนี้ ได้เตรียมตั้งเป้าหมายการส่งออก ปี 2569 โดยเบื้องต้นประเมินไว้ 3 กรณี คือ กรณีดีที่สุด มูลค่า 337,655.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 1.1% กรณีฐาน มูลค่า 330,642.3 ล้านดอลลาร์ หดตัว 1.0% และกรณีต่ำที่สุด มูลค่า 323,628.7 ล้านดอลลาร์ หดตัว 3.1% ทั้งนี้ ปี 2568 คาดว่า การส่งออกจะขยายตัวเกินไปจากเป้าที่ตั้งไว้ โดย มี 2 เป้า คือ มูลค่า 332,982.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 10.7% และ 334,982.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 11.4% 

โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 91,956 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า หรือเทียบเท่า 0.46% ของ GDP