สรรพสามิตแจงละเอียด กฎกระทรวงผลิตสุราใหม่ ปลดล็อกเบียร์กระป๋อง

03 ธ.ค. 2568 | 11:55 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2568 | 11:59 น.

สรรพสามิตแจงละเอียด กฎกระทรวงใหม่ ปลดล็อกรายย่อยบรรจุเบียร์กระป๋อง พร้อมเปิดทางรายกลางที่มีกำลังผลิต 5-50 แรงม้า ผลิตสุราสี

นายพรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้ปรับกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย เข้ามาขอใบอนุญาตผลิตสุราประเภทต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย  ตามขนาดกิจการเล็ก กลาง และใหญ่ มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังคงหลักการควบคุมคุณภาพของสุรา คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค และดูแลสิ่งแวดล้อมเช่นเดิม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตที่อยู่ใต้ดินมาขอทำธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมาย

สำหรับเบียร์นั้น เดิมจะอนุญาตให้ผลิตใส่ขวดและกระป๋องขายได้เฉพาะผู้ผลิตรายใหญ่มาก โดยต้องมีรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่กฎหมายใหม่อนุญาตให้รายกลางที่มีระบบพาสเจอร์ไรส์หรือระบบรักษาคุณภาพอื่น สามารถผลิตใส่ขวด และกระป๋องขายได้ด้วย  

ส่วนผู้ผลิตเบียร์รายเล็กที่ไม่มีระบบพาสเจอร์ไรส์ แต่เดิมจะขายได้เฉพาะในร้านที่ตนเองเท่านั้น แต่ของใหม่ สามารถบรรจุถังแบบเบียร์สด ออกขายนอกร้านได้

นายพรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต

ขณะที่สุราสี แต่เดิมจะอนุญาตได้เฉพาะผู้ผลิตรายใหญ่ขนาดที่ต้องเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและต้องมีขนาดกำลังการผลิตขั้นต่ำ 30,000 ลิตร หรือ 90,000 ลิตรต่อวันเท่านั้น แต่กฎหมายใหม่อนุญาตให้รายกลางที่มีกำลังผลิต 5-50 แรงม้าสามารถขออนุญาตผลิตสุราสีได้ด้วย ส่วนสุราขาวยังอนุญาตให้ผลิตจำหน่ายได้ตามขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เหมือนเดิม

ทั้งนี้ ในการแบ่งขนาดโรงงานใช้เกณฑ์จากกำลังแรงม้าของเครื่องจักร ได้แก่

ขนาดเล็ก กำลังแรงม้าไม่ถึง 5 แรงม้า (เช่น 4.9 แรงม้า)

ขนาดกลาง กำลังแรงม้าตั้งแต่ 5-50 แรงม้า

ขนาดใหญ่ กำลังแรงม้าตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไป และเข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีการผ่อนปรนเรื่องสถานที่ตั้งโรงงาน โดยอนุญาตให้สามารถตั้งโรงงานใกล้แหล่งน้ำได้ในระยะ 100 เมตร โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“วัตถุประสงค์หลักของกฎกระทรวงฉบับนี้ คือการดึงผู้ประกอบการที่หลบหนีภาษีและผลิตสินค้าที่ไม่มีคุณภาพกลับเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ กรมได้ให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางคือการลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตลง เมื่อเทียบกับขนาดใหญ่”

ทั้งนี้ แม้ว่าการผลิตจะง่ายขึ้น แต่ประเด็นที่ผู้ประกอบการรายย่อยยังต้องเผชิญคือ ความสามารถในการแข่งขันในตลาด เนื่องจากยังมีข้อจำกัดของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายย่อยเองก็กำลังผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาและการขาย

สำหรับปัจจุบัน กรมสรรพสามิตมีผู้ประกอบการรายย่อยอยู่ในระบบประมาณ 2,000 ราย และรายกลางประมาณ 20-30 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตสุราขาวแบบดั้งเดิม การออกกฎกระทรวงใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้มีผู้ผลิตสุราสีและเบียร์ขนาดกลางเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น