กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดทำรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06.00 น.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยที่ยังคงส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ของประเทศไทย แบ่งออกเป็นสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง รวม 11 จังหวัด และสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ รวม 9 จังหวัด
สรุปภาพรวมความเสียหายและผู้ได้รับผลกระทบ
ภาคเหนือและภาคกลาง (น้ำไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง): ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 11 จังหวัด. ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 143,073 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 28 ราย
ภาคใต้ (ฝนตกหนักมาก): ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด. ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 798,695 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย.
สถานการณ์อุทกภัยแยกรายภาค
ภาคเหนือ รวม 2 จังหวัด 5 อำเภอ 29 ตำบล 344 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,412 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
- พิษณุโลก: เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากในพื้นที่ อ.บางระกำ. มีผู้ได้รับผลกระทบ 598 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย. ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำยมยังคงทรงตัวและสูงกว่าตลิ่ง 2.11 เมตร
- นครสวรรค์: แม่น้ำยมและแม่น้ำน่านเอ่อล้นเข้าท่วมใน 4 อำเภอ (ชุมแสง เมืองฯ โกรกพระ พยุหะคีรี). ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,814 ครัวเรือน. ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลง.
ภาคกลาง รวม 9 จังหวัด 44 อำเภอ 408 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 135,661 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 27 ราย
- พระนครศรีอยุธยา: ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งใน 12 อำเภอ ทำให้ 65,238 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ และมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในกลุ่มภาคกลางถึง 19 ราย. ความเสียหายครอบคลุม โรงเรียน 33 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง สถานที่ราชการ 8 แห่ง และวัด 38 แห่ง. ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง แต่ยังสูงกว่าตลิ่ง 0.89 เมตร.
- สุพรรณบุรี: ได้รับผลกระทบจากน้ำแม่น้ำท่าจีนเอ่อล้นใน 7 อำเภอ 21,689 ครัวเรือน เสียชีวิต 3 ราย. ปัจจุบันระดับน้ำลดลง.
- สิงห์บุรี: ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งใน 3 อำเภอ 7,603 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย.
- จังหวัดอื่น ๆ ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมและมีผู้เสียชีวิต: ปทุมธานี เสียชีวิต 1 ราย (5,830 ครัวเรือน), นนทบุรี เสียชีวิต 1 ราย (16,092 ครัวเรือน).
- จังหวัดที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ระดับน้ำลดลง):
- อุทัยธานี: 2,981 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 113 ไร่. มีการติดตั้งสะพานเบลีย์แทนสะพานเก่าที่ชำรุด
- ชัยนาท: 5,240 ครัวเรือน. มีการติดตั้งสุขาชั่วคราวและบรรจุกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำชั่วคราว
- อ่างทอง: 4,751 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 788 ไร่. มีการสนับสนุนเรือเพื่อขนย้ายผู้ประสบภัย 53 ลำ
- นครปฐม: 6,237 ครัวเรือน. มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 32 เครื่อง
ภาคใต้
สถานการณ์ในภาคใต้เกิดจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรงขึ้น และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง. มีสถานการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่ 17 พ.ย. 68. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 9 จังหวัด 98 อำเภอ 643 ตำบล 4,688 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 798,695 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย. สถานการณ์น้ำท่าในหลายจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น.
จังหวัดที่ได้รับผลกระทบและมีความเสียหายสูง:
- สงขลา: ได้รับผลกระทบมากที่สุด 243,568 ครัวเรือน ใน 16 อำเภอ. มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 จุด ในเทศบาลนครหาดใหญ่ ยอดผู้อพยพรวม 1,224 คน.
- นครศรีธรรมราช: ได้รับผลกระทบ 223,221 ครัวเรือน ใน 22 อำเภอ มีผู้เสียชีวิต 6 ราย. สถานการณ์น้ำเพิ่มขึ้น. มีการเตรียมความพร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวรวม 14 แห่ง.
- พัทลุง: 151,622 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ เสียชีวิต 2 ราย. สถานการณ์น้ำเพิ่มขึ้น. มีการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 7 จุด ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง.
- นราธิวาส: 60,897 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ ใน 11 อำเภอ. สถานการณ์น้ำเพิ่มขึ้น. มีการจัดจุดอพยพเพื่อความปลอดภัย 37 จุด.
- ปัตตานี: 58,009 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ เสียชีวิต 3 ราย. มีการจัดตั้งศูนย์พักพิง 58 แห่ง รองรับผู้ประสบภัย 1,095 คน.
- ยะลา: 21,950 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ เสียชีวิต 2 ราย. มีการจัดตั้งศูนย์พักพิง 6 แห่ง ผู้อพยพ 220 คน.
- จังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้: สุราษฎร์ธานี (14,334 ครัวเรือน, ระดับน้ำลดลง), ตรัง (12,647 ครัวเรือน, ระดับน้ำเพิ่มขึ้น), สตูล (12,447 ครัวเรือน, ระดับน้ำเพิ่มขึ้น).
การคาดการณ์ลักษณะอากาศ
กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนว่า ภาคใต้ตอนล่างยังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง (โดยเฉพาะ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล) เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงยังคงปกคลุม.
คลื่นลม: คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และมากกว่า 3 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน.
อากาศหนาวเย็น: ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จะมีอากาศเย็นถึงหนาว. ประชาชนควรดูแลรักษาสุขภาพ และระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง.
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง แต่ในพื้นที่ภาคใต้ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีปริมาณฝนสะสมสูง และระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ที่มา - กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย