จ้างงานไตรมาส 3 หดตัว 0.5% ภาคเกษตรทรุดหนัก เหตุน้ำท่วม-แรงงานใหม่ไม่กลับถิ่น

24 พ.ย. 2568 | 03:12 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2568 | 03:24 น.

จ้างงานไตรมาส 3 ปี 2568 หดตัวลง 0.5% เหตุภาคเกษตรกรรมลดลงหนักสุด 2.9% แรงงานรุ่นใหม่เมินอาชีพเกษตรกร และน้ำท่วม ส่วนอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.76%

KEY

POINTS

  • ภาพรวมการจ้างงานไตรมาส 3 ปี 2568 หดตัวลง 0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • สาเหตุหลักมาจากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 2.9% ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมและแรงงานรุ่นใหม่ไม่นิยมทำอาชีพเกษตร
  • ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรยังคงขยายตัวได้ 0.6% โดยเฉพาะสาขาขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่เติบโตสูงสุด
  • แม้การจ้างงานจะลดลง แต่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 0.76% ทว่าจำนวนผู้เสมือนว่างงานกลับเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคเกษตร

วันนี้ ( 24 พฤศจิกายน 2568) นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานภาพรวมการจ้างงานไตรมาส 3 ปี 2568 หดตัวลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด 39.9 ล้านคน 

ทั้งนี้การหดตัวดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 2.9% ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากแรงงานรุ่นใหม่ไม่นิยมประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงสถานการณ์อุทกภัยที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมยังคงขยายตัวได้ 0.6% โดยสาขาที่เติบโตสูงสุดคือ สาขาขนส่งและจัดเก็บสินค้า ที่ขยายตัวถึง 4.9% ตามมาด้วยสาขาการผลิตและสาขาค้าส่งค้าปลีก ขณะที่สาขาโรงแรมและภัตตาคารหดตัวลง 0.6% สะท้อนภาวะการท่องเที่ยวที่ยังซบเซา

สำหรับ อัตราการว่างงาน อยู่ที่ 0.76% หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.1 แสนคน ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำและปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่เคยอยู่ที่ 1.02%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้เสมือนว่างงาน (ผู้ที่ทำงานน้อยกว่าเกณฑ์) กลับเพิ่มสูงขึ้น 8.7% มีจำนวนราว 1.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรที่ต้องหยุดหรือชะลอการทำงานจากภัยพิบัติ

ขณะเดียวกันมิติของรายได้ ค่าจ้างเฉลี่ยของลูกจ้างเอกชนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% อยู่ที่ 13,740 บาทต่อคนต่อเดือน แต่ค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมกลับลดลง 0.3% ซึ่งสวนทางกับความกังวลของแรงงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเด็นด้านแรงงานที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่

 

1. การควบคุมระดับราคาสินค้าเพื่อรักษาความสามารถในการใช้จ่ายของแรงงาน ซึ่งผลสำรวจ จากรายงานของ Ipsos ยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 77 มองว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากธุรกิจที่ทำกำไร เกินควร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงอาจต้องกำกับดูแลการตั้งราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น เพื่อรักษาความสามารถในการจับจ่ายของประชาชน

 

2 การเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งการเกิดอุทกภัย ทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งผลผลิต เมล็ดพันธุ์ รวมถึงสภาพดินที่ถูกชะล้างหรือปนเปื้อนตะกอน อีกทั้ง เกษตรกร ยังอาจมีปัญหาทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกต่อได้ทันทีหลังน้ำลด 

ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาในปัจจุบัน ยังดำเนินการไม่ครอบคลุม ภาครัฐจึงควรเร่งดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงควรมีมาตรการฟื้นฟูและ สนับสนุนให้เกษตรกรสามารถกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้งภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย อาทิ สนับสนุนปัจจัย การผลิตใหม่ เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เครื่องมือ เป็นต้น