KEY
POINTS
วันนี้ ( 24 พฤศจิกายน 2568) นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานภาพรวมการจ้างงานไตรมาส 3 ปี 2568 หดตัวลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมด 39.9 ล้านคน
ทั้งนี้การหดตัวดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 2.9% ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากแรงงานรุ่นใหม่ไม่นิยมประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงสถานการณ์อุทกภัยที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมยังคงขยายตัวได้ 0.6% โดยสาขาที่เติบโตสูงสุดคือ สาขาขนส่งและจัดเก็บสินค้า ที่ขยายตัวถึง 4.9% ตามมาด้วยสาขาการผลิตและสาขาค้าส่งค้าปลีก ขณะที่สาขาโรงแรมและภัตตาคารหดตัวลง 0.6% สะท้อนภาวะการท่องเที่ยวที่ยังซบเซา
สำหรับ อัตราการว่างงาน อยู่ที่ 0.76% หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.1 แสนคน ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำและปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่เคยอยู่ที่ 1.02%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้เสมือนว่างงาน (ผู้ที่ทำงานน้อยกว่าเกณฑ์) กลับเพิ่มสูงขึ้น 8.7% มีจำนวนราว 1.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคเกษตรที่ต้องหยุดหรือชะลอการทำงานจากภัยพิบัติ
ขณะเดียวกันมิติของรายได้ ค่าจ้างเฉลี่ยของลูกจ้างเอกชนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% อยู่ที่ 13,740 บาทต่อคนต่อเดือน แต่ค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมกลับลดลง 0.3% ซึ่งสวนทางกับความกังวลของแรงงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเด็นด้านแรงงานที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
1. การควบคุมระดับราคาสินค้าเพื่อรักษาความสามารถในการใช้จ่ายของแรงงาน ซึ่งผลสำรวจ จากรายงานของ Ipsos ยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 77 มองว่า ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากธุรกิจที่ทำกำไร เกินควร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงอาจต้องกำกับดูแลการตั้งราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น เพื่อรักษาความสามารถในการจับจ่ายของประชาชน
2 การเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งการเกิดอุทกภัย ทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งผลผลิต เมล็ดพันธุ์ รวมถึงสภาพดินที่ถูกชะล้างหรือปนเปื้อนตะกอน อีกทั้ง เกษตรกร ยังอาจมีปัญหาทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกต่อได้ทันทีหลังน้ำลด
ขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาในปัจจุบัน ยังดำเนินการไม่ครอบคลุม ภาครัฐจึงควรเร่งดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา รวมถึงควรมีมาตรการฟื้นฟูและ สนับสนุนให้เกษตรกรสามารถกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้งภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย อาทิ สนับสนุนปัจจัย การผลิตใหม่ เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย เครื่องมือ เป็นต้น