เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องเร่งด่วน สำหรับหนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ การเร่งคืนภาษีสรรพกรที่ยังค้างอยู่ เป็นเม็ดเงินประมาณ 40,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการที่ดี จะหมุนเวียนเป็นสภาพคล่องให้เอสเอ็มอีทันที
สำหรับมาตรการนี้มีข้อกำหนดสำคัญเพื่อสร้างประโยชน์ระยะยาว ได้แก่ การคืนภาษีเป็นแรงจูงใจ แต่มีเงื่อนไขเอสเอ็มอี ต้องดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลเท่านั้น เพื่อสนับสนุนการปรับธุรกิจเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง
“แพ็กเกจนี้ออกแบบเพื่อให้เอสเอ็มอีหายใจได้ทันที พร้อมกับส่งเสริมการปรับเปลี่ยนธุรกิจเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ธุรกิจสีเขียว และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเป็นการสร้างอนาคตให้กับประเทศ”
ขณะเดียวกัน จะเข้าไปการแก้ปัญหาสภาพคล่อง โดยใช้กลไกของ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของธนาคาร พร้อมทั้งใช้สถาบันการเงินของรัฐในการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการสนับสนุนให้บริษัทใหญ่ช่วยเอสเอ็มอี ด้วยเงินทุน เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถปรับตัวสู่เทคโนโลยีดิจิทัล, Automation และ AI รวมถึงเข้าสู่ซัพพลายเชนใหม่ เช่น ธุรกิจสีเขียว (Green Business) หรือพลังงานโซลาร์
ทั้งนี้ จะออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เช่น โครงการ Fast Track ปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่กว่า 60 บริษัท พร้อมลงทุนในไทย มูลค่ารวมกว่า 300,000 ล้านบาท รัฐบาลจะปลดล็อกการลงทุนเหล่านี้ เพื่อแก้ไขอุปสรรคด้านกฎหมาย กฎระเบียบซ้ำซ้อน และการขออนุญาตที่ล่าช้า ช่วยให้นักลงทุนเดินหน้าได้ทันที