ชาวไร่ยาสูบผวามติยกเลิกก้นกรองบุหรี่การประชุมโลก หวั่นหมดอาชีพ

18 พ.ย. 2568 | 05:16 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ย. 2568 | 05:16 น.

ชาวไร่ยาสูบผวามติยกเลิกก้นกรองบุหรี่ในการประชุมควบคุมยาสูบโลก หวั่นหมดอาชีพ หวัง รมว.พัฒนาหาจุดสมดุลทั้งมิติสุขภาพและมิติชาวไร่

KEY

POINTS

  • ชาวไร่ยาสูบกังวลต่อข้อเสนอในการประชุมอนามัยโลก (WHO FCTC COP 11) ที่อาจมีมติให้ยกเลิกก้นกรองบุหรี่ โดยหวั่นว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออาชีพ
  • มาตรการควบคุมยาสูบในอดีต เช่น การขึ้นภาษี ได้ส่งผลกระทบทำให้โควตาการปลูกและรายได้ของเกษตรกรลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขช่วยผลักดันจุดยืนที่เป็นกลางในการประชุม เนื่องจากกังวลว่ามีเพียงตัวแทนด้านสาธารณสุขเข้าร่วม โดยขาดหน่วยงานที่เข้าใจผลกระทบทางเศรษฐกิจ

นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เล่ย์จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ชาวไร่ยาสูบในประเทศไทยจับตาการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 11 (WHO FCTC COP 11) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–22 พฤศจิกายน 2568 ที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ อย่างใกล้ชิด หลังพบข่าวข้อเสนอยกเลิกก้นกรองบุหรี่ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากฟ่วงว่าจะเป็นการเร่งจุดจบของอาชีพชาวไร่ยาสูบ

ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่กำลังถูกพิจารณาในการประชุมระดับโลกครั้งนี้ ซึ่งหากมีการผลักดันและนำมาบังคับใช้จริง ก็อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่างการเพาะปลูกยาสูบ

“ที่ผ่านมามาตรการควบคุมยาสูบที่ออกมาจากการประชุม WHO FCTC COP ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวไร่มาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ที่ทำให้เกิดปัญหาบุหรี่เถื่อน บุหรี่ปลอมตามมา นำไปสู่การลดโควตาการปลูกยาสูบ ซึ่งทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนที่จะมีการปรับภาษียาสูบในปี 2560 โดยมูลค่ายาสูบที่ขายได้เพื่อใช้ในประเทศ และเพื่อส่งออก ลงลดจากราว 3,800 ล้านบาท เหลือเพียง 2,100 ล้านบาท” 

สำหรับการประชุม COP11 นี้ ชาวไร่ยาสูบได้พยายามนำเสนอข้อมูลไปยังหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีข้อเสนอแนะให้เชิญหน่วยงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและรับฟังผลกระทบอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่มิติด้านสุขภาพเท่านั้น 

แต่ก็ยังมีเพียงตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานด้านสุขภาพเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมนานาชาติครั้งนี้ ไม่มีผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลชาวไร่ยาสูบและรับรู้ถึงความเดือดร้อนเสมอมา

นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า การที่หน่วยงานที่เข้าใจมิติทางเศรษฐกิจและการเกษตรโดยตรงไม่ได้มีส่วนร่วมนั้น อาจทำให้มาตรการที่ออกมา สุดโต่ง และไม่รู้ว่าตลอดสัปดาห์นี้ที่การประชุมจัดขึ้น ผลที่ออกมาจะกลายเป็นการเร่งจุดจบของอาชีพเราหรือไม่

“ขอเป็นตัวแทนชาวไร่ยาสูบจากเพชรบูรณ์ รวมถึงชาวไร่ยาสูบกว่า 22,000 ครอบครัวในประเทศไทย ขอให้นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ช่วยชาวไร่ยาสูบในพื้นที่ ผลักดันให้ประเทศไทยมีจุดยืนที่เป็นกลางและสมดุลย์ในมาตรการควบคุมยาสูบและคำนึงถึงผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ ขอให้ไม่ต้องเผชิญกับมาตรการสุดโต่ง เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพทำยาที่มั่นคงสุจริต และเลี้ยงดูครอบครัวกว่า 2 หมื่นครอบครัวได้ต่อไป”