นักวิชาการชำแหละ 5 ฉากทัศน์ภาษีทรัมป์จากคำตัดสินศาลสูง

17 พ.ย. 2568 | 00:11 น.

อนุสรณ์ประเมิน 5 ฉากทัศน์ภาษีทรัมป์จากคำตัดสินศาลสูง หลังการเก็บภาษีนำเข้าโดยใช้อำนาจภายใต้กฎหมาย IEEPA ส่อเกินกว่าอำนาจ

KEY

POINTS

  • นักวิชาการวิเคราะห์ 5 ฉากทัศน์ที่เป็นไปได้จากคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐฯ เกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของมาตรการภาษีทรัมป์
  • ผลลัพธ์มีตั้งแต่การตัดสินว่าภาษีไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการค้าโลก ไปจนถึงการยืนยันว่าสามารถทำได้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในตลาดโลก
  • หากศาลตัดสินให้ยกเลิกภาษีและคืนเงินให้ผู้นำเข้า จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินดอลลาร์และงบประมาณของสหรัฐฯ
  • แม้ศาลจะยกเลิกมาตรการภาษี แต่คาดว่ารัฐบาลทรัมป์จะยังคงหาช่องทางกฎหมายอื่นเพื่อดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าต่อไป

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศาลสูงสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า รัฐบาลทรัมป์เก็บภาษีนำเข้าโดยใช้อำนาจภายใต้กฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) นั้นทำเกินกว่าอำนาจกฎหมายหรือไม่ 

โดยคาดว่าคำตัดสินของศาลจะออกมาในช่วงก่อนเดือนมิถุนายนปีหน้า ขณะนี้จึงยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และผู้ส่งออกประเทศต่างๆรวมทั้งผู้นำเข้าจากสหรัฐฯยังคงต้องเสียภาษีตามอัตรารัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บต่อไปจนกว่าศาลสูงจะมีคำตัดสินออกมา อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ถึง 5 ฉากทัศน์ ประกอบด้วย

  • ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย สถานการณ์การค้าโลกดีขึ้น สงครามการค้าเบาลง ตลาดการเงินตอบสนองทางบวก สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณเพิ่ม ขาดดุลการค้าเพิ่ม ดอลลาร์อ่อนค่า  
  • ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมายโดยรัฐบาลทรัมป์หาช่องทางอื่นๆทางกฎหมายในเก็บภาษีนำเข้าแทน ผลกระทบต่อการค้าโลกและตลาดการเงินยังไม่ชัดจน
  • ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าโลกและตลาดการเงินโลกดำรงอยู่ต่อไปอีก 3 ปี ตลาดการเงินและนักลงทุนอาจตื่นตระหนก ตลาดหุ้นอาจปรับฐานลงแรงได้

นักวิชาการชำแหละ 5 ฉากทัศน์ภาษีทรัมป์จากคำตัดสินศาลสูง

  • ศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างมีเงื่อนไข ความตึงเครียดทางการค้าอาจคลายตัวลงระดับหนึ่ง และ ต้องประเมินว่า เงื่อนไขต่างๆจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าแตกต่างไปจากข้อตกลงภาษีเดิมอย่างไรบ้าง
  • ฉาศาลสูงตัดสินภาษีทรัมป์ไม่สามารถดำเนินการได้และให้คืนภาษีให้กับผู้เสียนำเข้าก่อนหน้านี้ในทันที กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์แรง เกิดปัญหาการบริหารงบประมาณของรัฐ

ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์กลางแห่งสหรัฐ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 โดยผู้พิพากษาเสียงข้างมาก 7 คนจากองค์คณะ 11 คน มีคำตัดสินว่า การออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ และ ไม่ชอบด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ เท่ากับ ฝ่ายบริหารไปก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติในการตรากฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ถ้าศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ 

ผลที่ตามมา คือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆจะถูกยกเลิกหมด

การอ้างอำนาจจากกฎหมาย International Emergency Economic Power Act of 1977 ทุกมาตรการตามคำสั่งประธานาธิบดีในการขึ้นภาษีจะถูกยกเลิกทั้งหมด ผู้นำเข้าที่เสียภาษีตามมาตรการขึ้นภาษีก่อนหน้านี้ สามารถเรียกคืนภาษีจากรัฐบาลได้ มาตรการกีดกันการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯเมื่อถูกยกเลิกไปจะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ส่งผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์ยืนยันเดินหน้านโยบายกีดกันการค้าและขึ้นกำแพงภาษีด้วยกลไกกฎหมายอื่นๆ การดำเนินการก็จะสร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาต่อรองทางด้านการค้าและภาษีที่สหรัฐฯกำลังดำเนินการอยู่กับประเทศต่างๆ ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า มาตรการกีดกันการค้า การขึ้นกำแพงภาษีจะยังไปต่อผ่านกลไกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและฐานะการคลังของสหรัฐฯ แต่การขึ้นกำแพงภาษีอาจไม่ง่ายเหมือนเดิมเพราะเป็นไปได้มากขึ้นที่ พรรครีพับรีกันจะแพ้เลือกตั้งกลางเทอม  ประเมินว่า อัตราภาษีในการจัดเก็บอาจจะไม่สูงมากและกระบวนการในรัฐสภาต้องใช้เวลา ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าเสรีของโลกจากระบบ Rule-Based เป็น Deal-based อาจมีอุปสรรค ระบบการค้าเสรีแบบพหุภาคีอาจฟื้นตัวขึ้นจากกลไกการถ่วงดุลของศาลต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกา ภาวะดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อระบบการค้าโลกและการแตกขั้วของโลกาภิวัตน์จะเบาลง