KEY
POINTS
วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.ได้เสนอแผนการสร้างเขื่อนเก็บน้ำอีกแห่งหนึ่งบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในส่วนของแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะเสนอเข้าแผนงานภายในปีงบประมาณ 2570
นายดนุชา ระบุว่า เขื่อนที่จะสร้างใหม่คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพิจารณากู้เงินจากแหล่งเงินต่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก (World Bank) หรือธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ก็ได้ เบื้องต้นคาดว่าโครงการนี้จะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 7 ปี หากเริ่มก่อสร้างได้เร็วประชาชนก็จะได้ประโยชน์ทั้งเรื่องของการบรรเทาอุทกภัย และแก้ปัญหาภัยแล้ง
สำหรับแผนการก่อสร้างเขื่อนแห่งใหม่ สทนช. ประเมินว่า หากโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จจะช่วยลดปริมาณน้ำก่อนเข้าเขื่อนเจ้าพระยาที่จะไหลต่อเนื่องมาสู่ระบบระบายน้ำบริเวณตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยสามารถกักเก็บน้ำและทยอยปล่อยออกมาในปริมาณ 400-800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะเดียวกันเขื่อนดังกล่าวยังสามารถใช้เป็นที่เก็บน้ำสำหรับฤดูแล้งได้อีก 50 ล้านลูกบาศก์เมตรด้วย
“ตอนนี้เครื่องมือเดิมคือคลองระบายน้ำของเรามีไม่เพียงพอ รวมทั้งเขื่อนเจ้าพระยาบางสถานการณ์ก็ทำหน้าที่เป็นเพียงเขื่อนทดน้ำไม่ใช่เขื่อนเก็บน้ำ หากเขื่อนแห่งใหม่สร้างเสร็จก็จะส่งผลให้มวลน้ำที่ไหลตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณลดลง และจะสามารถลดโอกาสที่จะเกิดอุทกภัย ประกอบกับการใช้ประโยชน์จากคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ก็จะช่วยให้สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้เร็วยิ่งขึ้น” นายดนุชา ระบุ
นายดนุชา ระบุว่า แผนงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ คือ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากปัญหาขาดคันกั้นน้ำ โดยโครงการที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว ได้แก่ โครงการระบบระบายน้ำฝั่งตะวันออก ซึ่งจะใช้เงินกู้จากธนาคารโลก (World bank) ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาเครือข่ายระบบคลองระบายน้ำตามแผนงาน
ส่วนแนวคิดนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้น นายดนุชา เห็นว่า การพัฒนาระบบป้องกันน้ำให้ดี จะเป็นประโยชน์ เพราะเราไม่รู้ว่าในปีนั้น ๆ ปริมาณน้ำจะมามากหรือน้อยเท่าไร หากบริเวณตอนล่างมีระบบป้องกันน้ำที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาปริมาณน้ำมากเกินความสามารถ หรือปัญหาน้ำทะเลหนุนได้ในอนาคต