KEY
POINTS
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องการเจรจาขายข้าวของไทยไปยังประเทศจีนว่าในส่วนของการเจรจาขายข้าวให้กับจีน 5 แสนตันภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้นำกระทรวงพาณิชย์ไปหารือทวิภาคีกับประเทศจีน ที่นำโดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ระหว่างการประชุมเอเปคที่ประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุดทางรัฐบาลจีนได้แจ้งว่าจะมีการหารือกันต่อเนื่องกับประเทศไทยเพื่อให้ไทยส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนให้ครบ 5 แสนล้านตันในปีนี้
ทั้งนี้การส่งออกข้าว 5 แสนตันไปยังประเทศจีนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือรัฐต่อรัฐ G to G ที่รัฐบาลสองประเทศได้มีการตกลงกันไว้ โดยตามโควตานี้จีนจะนำเข้าข้าวจากไทย10 ล้านตัน โดยตามข้อตกลงนี้มีปริมาณที่จะต้องนำเข้าอีก 2.8 แสนตัน แต่นายกรัฐมนตรีได้มีการเจรจากับประธานาธิบดีจีนเพื่อขอให้นำเข้าข้าวเพิ่มอีก 2.2 แสนแสนตัน รวมเป็น 5 แสนตัน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการขอความอนุเคราะห์จากทางการจีนให้มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสัญลักษณ์การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี
สำหรับโควตาที่ไทยจะมีการเจรจาขอให้จีนนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเติมในปี 2569 นั้น รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะหารือกับประเทศจีนเพื่อขอให้นำเข้าข้าวจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้แจ้งความประสงค์และความพร้อมให้กับทางรัฐบาลจีนแล้วว่าไทยเราพร้อมจะส่งออกข้าวให้กับจีนได้เพิ่มเติม
นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
โดยร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีสาระสำคัญ ได้แก่ ขอบเขตความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคและส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ โดยรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 100,000 ตัน ตลอดระยะเวลา MOC นี้ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของรัฐบาลสิงคโปร์ ในราคาตลาดระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมอบหมายกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลัก และรัฐบาลสิงคโปร์มอบหมายสำนักงานอาหารสิงคโปร์ (Singapore Food Agency : SFA) เป็นหน่วยงานหลัก ข้อพิพาทใดๆ เกี่ยวกับการตีความหรือการดำเนินการตาม MOC นี้จะได้รับการแก้ไขอย่างสันติ โดยการปรึกษาหารือหรือเจรจาระหว่างคู่ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจทำหนังสือขอทบทวน แก้ไข หรือปรับปรุง MOC นี้ทั้งหมดหรือบางส่วนได้
ขณะนี้ การแก้ไขหรือปรับปรุงใด ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันจะถูกทำเป็นเอกสารและถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกความร่วมมือนี้จะมีผล ณ วันที่ลงนามเป็นระยะเวลา 5 ปี เว้นแต่แจ้งความประสงค์ที่จะทำให้ MOC นี้สิ้นสุดเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย 6 เดือน และสามารถต่ออายุออกไปคราวละ 5 ปี โดยต้องได้รับความยินยอมร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร
นอกจากนี้ การจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและความร่วมมือระหว่างสองประเทศไทยแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาคและสร้างกลไกความร่วมมือด้านการค้าอย่างเป็นระบบและยังช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกเข้าไทยไปยังตลาดสิงคโปร์มากขึ้น โดยเอกสารดังกล่าวไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม ม.178 ของรัฐธรรมนูญ