‘บวรศักดิ์’ นัด ก.พ. ถกโมเดลขยาย ‘เกษียณอายุราชการ’ 60 ปี

30 ต.ค. 2568 | 10:59 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2568 | 11:02 น.

รองนายกฯ ‘บวรศักดิ์’ เตรียมนัด ก.พ. หารือนายกฯ ศึกษาโมเดลขยาย ‘เกษียณอายุราชการ’ 60 ปี เล็งยึดฐานเงินเดือนอายุ 60 ปี คำนวณฐานเงินบำนาญ

KEY

POINTS

  • รองนายกฯ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เตรียมเชิญสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือแนวทางการขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี
  • ก.พ. ได้เสนอโมเดลการขยายอายุเกษียณแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 10 ปี เพื่อให้ข้าราชการสามารถปรับตัวได้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในทันที
  • การขยายอายุเกษียณจะส่งผลกระทบด้านงบประมาณ โดยอาจใช้ฐานเงินเดือนสุดท้าย ณ อายุ 60 ปีในการคำนวณบำนาญ และกระทบต่อการเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการ

วันนี้ (30 ตุลาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้ นายกรัฐมนตรี จะเชิญสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือถึงแนวทางการขยาย การเกษียณอายุราชการ 60 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล 

“ปัจจุบัน มีหลายหน่วยงานที่เริ่มต้นดำเนินการไปแล้ว ทั้งผู้พิพากษา อัยการ ที่อายุ 70 ปี หรือข้าราชการในสถาบันอุดมศึกษา ที่อายุ 65 ปี” นายบวรศักดิ์ ระบุ

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การขยายการเกษียณอายุราชการ มายังข้าราชการพลเรือนที่มีจำนวนหลายแสนคนนั้น ก.พ. ได้ศึกษาร่วมกับกรมบัญชีกลาง โดยมีข้อมูลว่า คนไทยมีอายุเฉลี่ย 70 ปี มีอัตราการเกิดน้อยกว่าการเสียชีวิต ส่งผลให้บุคคลที่ทำงานสร้างผลิตภาพให้กับประเทศมีน้อย อีกทั้งจะมีอายุขัยรับเงินบำนาญเฉลี่ย 20 ปี จาก 60 ปี ไปถึง 80 ปี ซึ่งการขยายเวลาเกษียณอายุราชการ จึงผูกพันไปยังเรื่องประชากรศาสตร์ กำลังแรงงานข้าราชการ และงบประมาณ

“ก่อนหน้านี้เลขาธิการ ก.พ. เข้ามาพบพร้อมเสนอโมเดลให้ค่อย ๆ เกษียณออกไปในช่วง 10 ปีนี้ ซึ่งจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทันที ข้าราชการสามารถปรับตัวได้” นายบวรศักดิ์ กล่าว

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีผลกระทบทางสังคม กระทบต่อข้าราชการที่จะเลื่อนตำแหน่ง ส่วนด้านงบประมาณ ซึ่งกรมบัญชีกลางและให้ความเห็นว่าจะยึดฐานเงินเดือนสุดท้ายในอายุ 60 ปี เพื่อไปคำนวณฐานเงินบำนาญ เพราะหาก ใช้ฐานเงินเดือนที่อายุ 65 ปี ระบบไม่สามารถแบกรับภาระไหว นอกจากนี้ยังต้องนึกถึงความเป็นธรรมกับผู้ที่อยู่ในระบบ และคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบราชการ