กระทรวงอุตฯสั่งปิดโรงงานเถื่อนกลางเมืองสมุทรสาคร ยึด E-waste กว่า 80 ตันส่งตรวจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสั่งชุดปฏิบัติการกระทรวงฯ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจสอบ บริษัท เอส จอยท์ เมทัล จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งมีการประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายโรงงานเถื่อน ในกิจการคัดแยก บดย่อย ล้าง อุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว เศษสายไฟฟ้าหรือเศษโลหะ แล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ 

โดยพบเครื่องจักรติดตั้งรวม 925 แรงม้า คนงาน 10 คน จึงสั่งให้หยุดประกอบการทันที รวมถึงดำเนินคดีกับโรงงาน ซึ่งการตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้ ได้เก็บตัวอย่างวัตถุดิบเศษ E-waste จากปริมาณกว่า 80 ตัน เพื่อพิสูจน์ทราบและได้ยึดอายัดของกลางบริเวณดังกล่าวทั้งหมด

นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่า อะไรก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน หรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะไม่มีการอะลุ้มอล่วยให้กับผู้ประกอบการโดยเด็ดขาด เพราะหากเพิกเฉย ปล่อยปละให้มีการดำเนินการที่กระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ก็จะเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 157 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ได้

ส่วนกิจการของบริษัท เอส จอยท์ เมทัล จำกัด มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน 2 ใบ ได้แก่ 

• ใบอนุญาตประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติก พบการประกอบการไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาตหลายประการ เช่น ล้างเศษพลาสติกก่อนนำไปหลอมขึ้นรูปเป็นเม็ดพลาสติก เครื่องฉีดเม็ดพลาสติกไม่ติดตั้งระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ จึงได้สั่งการให้หยุดประกอบกิจการในส่วนการล้างและการฉีดหลอมเม็ดพลาสติกจนกว่าจะติดตั้งระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ
• ใบอนุญาตประกอบกิจการถอดแยก บดย่อย อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว เศษสายไฟฟ้าหรือเศษโลหะผสม และหลอมหล่อเศษและตะกรันโลหะที่มีทองเหลือง ทองแดง อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ มีการประกอบกิจการโดยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้สั่งให้หยุดประกอบกิจการจนกว่าจะแจ้งเริ่มประกอบกิจการ ซึ่งทุกกรณีที่กระทำความผิด สอจ.สมุทรสาคร ได้สั่งดำเนินคดีเด็ดขาดและเปรียบเทียบปรับตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดในอนาคต