นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
เพื่อให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว และหน่วยงานของรัฐใช้เป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี เงินงบประมาณ และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ครอบคลุมทั้งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของประเทศ
โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มีเม็ดเงินภาครัฐ จำนวน 4.37 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย
- เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 3.21 แสนล้านบาท
- งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท
- งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 2.65 แสนล้านบาท
“กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 75 รายจ่ายประจำไม่น้อยกว่า ร้อยละ 98 รายจ่ายภาพรวมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 93 และการใช้จ่ายงบประมาณ (ก่อหนี้) รายจ่ายลงทุน รายจ่ายประจำ และรายจ่ายภาพรวม ร้อยละ 100 รวมทั้งการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า ร้อยละ 95 ของกรอบงบลงทุน”
และให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ ดังนี้
1. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รายการที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้เบิกจ่ายแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 และรายการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
2. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้ดำเนินการดังนี้
- ให้เร่งดำเนินการส่งเงินจัดสรรต่อไปยังสำนักงานในส่วนภูมิภาค ภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรร
- รายจ่ายลงทุนรายการปีเดียว รายการครุภัณฑ์ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 สำหรับรายการจ้างให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1
- รายจ่ายลงทุนรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2
- ให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และบริหารสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยลดระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้าง ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/ว 680 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2568 และตรวจรับพัสดุตามระยะเวลาที่กำหนด ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/ว 681 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2568
- ให้เบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้ตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงานถูกต้องแล้ว
- ให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณ กำกับดูแลบริหารจัดการเร่งรัดการดำเนินการ พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของงบประมาณรายจ่ายลงทุน ระบุปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขต่อกรมบัญชีกลาง ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
- ให้นำผลการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ และการเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้ประกอบการพิจารณาในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าหน่วยรับงบประมาณ
- ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 โดยนำผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มาพิจารณาให้สอดคล้องกับศักยภาพของหน่วยรับงบประมาณ
3. มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ให้ดำเนินการดังนี้
- ให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณากำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในระดับไม่น้อยกว่า ร้อยละ 95 เป็นตัวชี้วัดของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ
- ขอความร่วมมือให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) รายจ่ายลงทุนรายการปีเดียว รายการครุภัณฑ์ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 สำหรับรายการจ้างให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1
(2) งบลงทุนรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2
(3) งบลงทุนที่เสนอขอใหม่ในปีบัญชี 2569 ให้เตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถลงนามสัญญาได้ทันที เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ
- ให้ปรับเพิ่มแผนการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 1 - 2 ของ ปีบัญชี 2569 (Front - Loaded) เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนโดยเฉพาะงบลงทุนที่ได้ผูกพันสัญญาไว้แล้ว และเร่งการเบิกจ่ายในส่วนของรายการนำเข้า (Import Content) ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจมีความประสงค์จะปรับปรุงงบลงทุนในระหว่างปีขอให้พิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2569
- ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำกับติดตามการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัด
“มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย : กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว (Quick Big Win) ซึ่งอยู่ในเสาหลักที่ 1 ที่จะช่วยผลักดัน ให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว”