เงินเยียวยาแผ่นดินไหว ล่าสุด รัฐบาลแจ้งจ่ายเงินครบทุกราย ต.ค.68

17 ต.ค. 2568 | 06:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2568 | 06:13 น.

เงินเยียวยาแผ่นดินไหว ล่าสุด รัฐบาลแจ้งความคืบหน้าจ่ายเงินเยียวยา ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หลังละไม่เกิน 49,500 บาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 นี้ หลังเจอค้างเฉียดหมื่นราย

KEY

POINTS

  • รัฐบาลประกาศจะจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้แล้วเสร็จครบทุกรายภายในเดือนตุลาคม 2568
  • มีผู้ประสบภัยที่ยื่นขอรับความช่วยเหลือรวม 44,210 ครอบครัว โดยจะได้รับเงินค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสูงสุดไม่เกิน 49,500 บาทต่อหลัง
  • รัฐบาลแนะนำให้ผู้ประสบภัยรับเงินโอนผ่านธนาคารกรุงไทย (KTB) เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาแผ่นดินไหว ล่าสุด วันนี้ (17 ตุลาคม 2568) นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบริหารจัดการเงินเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ จากข้อมูลพบว่า มีผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ และได้ยื่นเอกสารขอรับความช่วยเหลือจากทางราชการตามกำหนด ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 2 พฤษภาคม 2568 รวมทั้งสิ้น 44,210 ครอบครัว 

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้จัดส่งเอกสารของผู้ประสบภัยให้แก่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อเข้าสู่กระบวนการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 35,045 ครอบครัว ยังคงเหลือเอกสารของผู้ประสบภัยที่อยู่ระหว่างการรวบรวมและตรวจสอบ จำนวน 9,165 ครอบครัว
นางสาวอัยรินทร์ กล่าวว่า รัฐบาล กำชับให้เร่งรัดกระบวนการบริหารจัดการเงินเยียวยา

สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับการช่วยเหลือเพื่อเป็นค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 กำหนดไว้หลังละไม่เกิน 49,500 บาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 โดยทางกรุงเทพมหานครจะดำเนินการส่งเอกสารให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้ทันตามกำหนดต่อไป
 

ทั้งนี้เพื่อให้การจ่ายเงินเยียวยาฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด รัฐบาลแนะนำให้ผู้ประสบภัยเลือกรับการโอนเงินผ่าน ระบบธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่งเป็นช่องทางที่ถูกกำหนดและมีกระบวนการที่รวดเร็วกว่าการรับเงินสดมาก เพื่อให้การบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินแก่ภาคครัวเรือนสามารถทำได้อย่างทันท่วงทีและครอบคลุมตามเป้าหมายที่วางไว้