ต่างชาติลงทุนไทย ทะลุ 2.53 แสนล้าน เปิดธุรกิจ 5 ชาติเงินลงทุนสูงสุด

16 ต.ค. 2568 | 05:11 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2568 | 07:17 น.

ต่างชาติลงทุนไทย ยอดล่าสุด 9 เดือนปี 2568 มีมูลค่าสูงถึง 2.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% เปิดธุรกิจ 5 ชาติเงินลงทุนสูงสุด โดยสิงคโปร์ขึ้นแท่นลงทุนอันดับหนึ่ง

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์ เผยในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) มีต่างชาติได้รับอนุญาตให้ลงทุนในไทย 770 ราย รวมมูลค่าเงินลงทุน 253,116 ล้านบาท
  • 5 ชาติที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่ สิงคโปร์ (86,550 ล้านบาท) ญี่ปุ่น (76,397 ล้านบาท) จีน (21,925 ล้านบาท) ฮ่องกง (12,624 ล้านบาท) และสหรัฐอเมริกา (4,368 ล้านบาท)
  • เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พบว่ามูลค่าการลงทุนของต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 118,311 ล้านบาท หรือคิดเป็น 88%
  • แม้สิงคโปร์จะมีมูลค่าการลงทุนสูงสุด แต่นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยมากที่สุดถึง 142 ราย

วันนี้ (16 ตุลาคม 2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า สถิติในช่วง 9 เดือน ปี 2568 (มกราคม - กันยายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 770 ราย 

โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 569 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 253,116 ล้านบาท 

สำหรับวงเงินลงทุนของชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก มีดังนี้

1. สิงคโปร์

จำนวน 108 ราย คิดเป็น 14% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 86,550 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตชิ้นส่วนของใช้ครัวเรือน สุขภัณฑ์
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการสัญญาณโทรคมนาคมและระบบวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน
  • ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาสินค้าประเภทนาฬิกา
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เบาะนั่งรถยนต์และเบาะนั่งของเครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์จากเศษวัสดุทางการเกษตร, Printed Circuit Board, และชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม 

2.ญี่ปุ่น

จำนวน 142 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 76,397 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบแม่พิมพ์และอุปกรณ์สำหรับการผลิตยานยนต์ การให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับกระบวนการผลิตยานยนต์ เป็นต้น
  • ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ 
  • ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบและผลิตผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ตัดไฟแรงดันสูง
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับใช้กับเครื่องจักร เหล็กแผ่นเคลือบ หม้อแปลงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมัน และชิ้นส่วนเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้าง 

3. จีน

จำนวน 99 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 21,925 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อการผลิตถ่านกัมมันต์ 
  • ธุรกิจบริการรับจ้างประกอบยางล้อรถยนต์
  • ธุรกิจบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นการทดสอบชิ้นส่วน หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ 
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น แม่พิมพ์, Flexible Printed Circuit Board, ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป และชิ้นส่วนเหล็กทุบขึ้นรูป 

4. ฮ่องกง

จำนวน 82 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 12,624 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ 

  • ธุรกิจแปรรูปไม้เพื่อทำเครื่องเรือนและเครื่องใช้สอย ซึ่งเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่และไม้
  • ธุรกิจบริการขุดเจาะปิโตรเลียม ภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  • ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป คอมเพรสเซอร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนโลหะ และอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบนิวเมติกส์

5. สหรัฐอเมริกา

จำนวน 116 ราย คิดเป็น 15% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 4,368 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ  

  • ธุรกิจกิจการนายหน้าหรือตัวแทนในการจัดหาผู้ให้บริการด้านการผลิตสินค้า
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษา ค่าใช้จ่าย การเดินทาง และที่พักระหว่างการศึกษาต่อ
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์, DC Cable, และโลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ 

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 134 ราย (21%) (เดือน ม.ค. - ก.ย.68 อนุญาต 770 ราย / เดือน ม.ค. - ก.ย.67 อนุญาต 636 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 118,311 ล้านบาท (88%) (เดือน ม.ค. - ก.ย.68 ลงทุน 253,116 ล้านบาท / เดือน ม.ค. - ก.ย.67 ลงทุน 134,805 ล้านบาท) 

รวมถึงมีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 2,631 คน (105%) (เดือน ม.ค. - ก.ย.68 จ้างงาน 5,132 คน / เดือน ม.ค. - ก.ย. 67 จ้างงาน 2,501 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน