นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส ได้เปิดลงทะเบียนร้านค้าวันแรกตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม โดยทีมงานได้ลงพื้นที่ ณ ตลาดหลังกระทรวงการคลัง เพื่อประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมร้านค้า ซึ่งคาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 9 แสนแห่ง
ขณะที่ในส่วนของประชาชนนั้น จะเริ่มลงทะเบียนในสัปดาห์ถัดไป คือวันที่ 20 ตุลาคม และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการสูงกว่า 8.8 หมื่นล้านบาท จากเงินสมทบภาครัฐ 4.4 หมื่นล้านบาท และเงินจากการใช้จ่ายของประชาชนอีก 4.4 หมื่นล้านบาท
สำหรับการลงทะเบียนร้านค้าจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม ร้านค้าที่เข้าเงื่อนไขสามารถทยอยเข้ามาลงทะเบียนได้ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการเป็นไปอย่างสะดวก เพียงเข้าแอปพลิเคชันถุงเงิน อัปเดตแอปฯ และกดปุ่มยอมรับเงื่อนไข ก็สามารถเข้าสู่โครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ทันที สำหรับร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการแล้วในเฟสที่ผ่านมา
ส่วนร้านค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการมาก่อน สามารถดำเนินการได้โดยใช้บัตรประชาชนและรูปถ่ายร้านค้าจริง จากนั้นให้นำหลักฐานไปยืนยันตัวตนกับทางเขต (สำหรับ กทม.) หรือทางกระทรวงมหาดไทย (สำหรับต่างจังหวัด) และไปที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อตรวจสอบ และยืนยันตัวตนว่ามีการประกอบการและมีร้านค้าจริง หากการตรวจสอบครบถ้วน ชื่อร้านค้าจะเข้าสู่ระบบในแอปฯ ถุงเงินภายใน 3 วัน
นอกจากนี้ ร้านค้าที่ติดปัญหาสามารถดาวน์โหลดใบสมัครจากเว็บไซต์คนละครึ่ง Plus.com หรือติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากธนาคารกรุงไทยได้ โดยยืนยันว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส ได้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจรายเล็ก รายย่อย และพ่อค้าแม่ค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่โมเดิร์นเทรด โดยวินมอเตอร์ไซค์ ร้านค้านิติบุคคลประกอบธุรกิจสินค้า และบริการ ที่รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้
ขณะเดียวกัน การค้าขายออนไลน์และ Food Delivery ยังเข้าร่วมได้ด้วย ซึ่งขณะนี้มี 4 แพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมเข้าร่วม และตกลงที่จะช่วยลดค่า GP ให้เป็นพิเศษ โดยระยะต่อไปจะมีการสอนทำหลักสูตรเพื่อสอนขายของออนไลน์ ให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถขยายตลาดและเพิ่มยอดขายได้
“โครงการคนละครึ่ง พลัส ครั้งนี้รองรับผู้ประกอบการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (พี่วิน) ที่มีใบขับขี่สาธารณะถูกต้อง โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่งและคมนาคมแล้ว รวมถึงนิติบุคคล ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท และการค้าขายออนไลน์ด้วย”
นายเอกนิติ กล่าวว่า การต่อยอดโครงการคนละครึ่ง พลัส จะมีการให้ความรู้ด้านการทำบัญชี ในแอปฯ ถุงเงิน เพื่อให้ร้านค้าที่ทำบัญชีได้ถูกต้องสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งพร้อมที่จะปล่อยกู้แก่ร้านค้าที่มีบัญชีถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความกังวลเรื่องการขาดสภาพคล่องหรือหนี้นอกระบบ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ข้อมูลการค้าขายของคนละครึ่ง พลัส เป็นระบบปิด ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีเมื่อยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากถือเป็นหน้าที่ของคนไทยในการเสียภาษีเมื่อมีรายได้ และทางโครงการจะดำเนินการทำระบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการในการยื่นรายได้และลดภาระเอกสาร