นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการ ทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ธปท. ขอแจ้งให้นิติบุคคลทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบันประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จะเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. (ยกเว้นสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสหกรณ์แท็กซี่)
ทั้งนี้ โปรดรายงานข้อมูลการประกอบธุรกิจผ่านเว็บไซต์ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569
ทั้งนี้การตัดสินใจดึงธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับของธปท. มีรากฐานมาจากความจำเป็นเร่งด่วนสองประการหลักคือ การรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน และ การคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1 ใน 3 ของยอดธุรกรรมนี้มาจากผู้ประกอบการที่ยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ ทำให้ ธปท. ในฐานะผู้ดูแลเสถียรภาพการเงินสูงสุด จำเป็นต้องเข้ามาควบคุมและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคก่อหนี้สินเกินตัวโดยไม่จำเป็น
การที่ ธปท. เข้ามามีอำนาจกำกับดูแล จะทำให้สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเข้มงวดมากขึ้น เช่น การ ควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ย และค่าบริการต่าง ๆ การกำหนดมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ และการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจัง
ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเน้นหนักใน 2 มิติหลัก คือ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,139 วันที่ 12 - 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568