'ดร.มานะ' เปิดโปง 6 รูปแบบ 'คอร์รัปชัน" พาประเทศไทยวิกฤตซ้อนวิกฤต

08 ต.ค. 2568 | 21:15 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2568 | 02:08 น.

'ดร.มานะ' ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แฉรูปแบบคอร์รัปชันของไทย 6 รูปแบบ ที่พาประเทศวิกฤต ทั้งสินบน-จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ-ปกปิดข้อมูลสำคัญ

KEY

POINTS

  • ดร.มานะ นิมิตรมงคล เปิดโปง 6 รูปแบบการคอร์รัปชันที่เป็นต้นตอของวิกฤตชาติ เช่น การเรียกรับสินบนเพื่อออกใบอนุญาต และความไม่โปร่งใสในโครงการก่อสร้างภาครัฐ
  • ปัญหาการใช้เส้นสายเพื่อเลื่อนตำแหน่งในระบบราชการ การใช้กฎหมายและทรัพยากรของรัฐเป็นเครื่องมือปกป้องพวกพ้อง และการปกปิดข้อมูลสำคัญระดับชาติยังคงมีอยู่
  • การซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งปัญหาคอร์รัปชันทั้งหมดนี้ได้ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบราชการและกระบวนการยุติธรรม

ในงาน "เวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3" ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ในขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่งรับฟังอยู่ด้านหน้าเวทีนั้น

ก็เป็นช่วงเวลาที่ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวบนเวทีเสวนาเปิดใจ ภายใต้หัวข้ออันหนักอึ้งว่าด้วยความพร้อมของกลไกสถาบันกับการแข่งขันของประเทศ

ดร.มานะ กล่าวตอนหนึ่งส่งเสียงเตือนถึงสถานการณ์ที่เขาเรียกว่า "วิกฤตที่ซ้อนซ้อน ๆ กันอยู่" วิกฤตซึ่งมิได้สร้างปัญหาทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่กำลังกัดกินศรัทธาของคนในชาติอย่างรุนแรงยิ่งกว่า

ราคาที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ

ดร.มานะ เปิดฉากด้วยการพาไปสำรวจมิติของคอร์รัปชันที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด นั่นคือ "สินบน" หรือ "แป๊ะเจี๊ยะ" เพื่อแลกกับใบอนุญาต เรื่องเหล่านี้ถูกพูดถึงมานาน แต่วันนี้มันมิใช่ความลับอีกต่อไป

"มันเป็นเรื่องที่คนทั่วไปรู้กันว่า ถ้าไปติดต่ออย่างนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ อัตราเท่าไหร่" ดร.มานะตั้งคำถามถึงความชินชาของสังคม และความหวังอันริบหรี่ว่าเมื่อไหร่หนอที่สินบนเหล่านี้จะลดลงและหยุดการอนุมัติที่ไม่ชอบธรรมเสียที

โครงการก่อสร้างที่พังทลาย

ภาพต่อมาคือเงาของความเสียหายที่ซ่อนอยู่ในโครงการของรัฐ คำถามที่เคยจำกัดอยู่แค่เรื่องของมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในแต่ละปี หมดเงินไปกี่แสนล้านบาทในโครงการก่อสร้างภาครัฐต่อปี ได้ก้าวข้ามไปสู่มิติที่น่าสะเทือนใจกว่านั้น

ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

"ทำไมการก่อสร้างของภาครัฐจึงล่าช้าอยู่เสมอ และ เหตุใดจึงมีอุบัติเหตุที่ทำให้คนเจ็บคนตายจำนวนมาก"

ดร.มานะ เรียกร้องให้มีการหาคำตอบว่า อะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความล่าช้าและอุบัติเหตุเหล่านี้ และจะทำอย่างไรกับความเสี่ยงที่คุกคามชีวิตของประชาชนที่สัญจรไปมา

เส้นทางแห่งปาฏิหาริย์ในระบบราชการ

การใช้เส้นสายเพื่อติดต่อราชการเป็นสิ่งที่คนทั่วไปรับรู้ แต่สิ่งที่ ดร.มานะ ชี้ให้เห็นคือการใช้ "เส้นสาย" เพื่อให้ตนเองเติบโตในตำแหน่งหน้าที่ราชการ เขาได้ย้อนไปถึงกรณีเมื่อสองปีก่อน เมื่อมีนายพลตำรวจเอก 2 คน ที่เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถใช้เวลาเพียง 7 ปี ขึ้น 7 ขั้น 7 ตำแหน่งได้ จนเกิดคำถามในสังคมว่านี่คือ "ตั๋วช้าง" หรือไม่ และเกิดอะไรขึ้นกับระบบตำรวจ

แต่เรื่องราวหาได้หยุดอยู่แค่นั้น ดร.มานะ ชี้ว่าเรื่องได้ไปไกลกว่านั้นอีก มีสาวคนหนึ่งเป็นผู้กอง การขึ้นตำแหน่งของเธอ "เร็วและมหัศจรรย์กว่าอีก ขึ้นขั้นก็ง่าย ย้ายก็เร็ว" สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามที่น่าหวาดหวั่นว่า "อะไรมันกำลังเกิด ขึ้นกับระบบของราชการไทย ดูเหมือนกับว่า เรากำลังจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ไม่ได้"

การใช้กฎหมายและทรัพยากรรัฐเป็นโล่กำบัง

ดร.มานะ ยังชี้ให้เห็นถึงความบิดเบือนของหลักนิติธรรม เมื่อมีการเอาหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และกฎหมาย มาใช้ในการปกป้องเจ้านายของตนเอง และไปเล่นงานศัตรู อย่างเช่น กรณีเขากระโดง นี่คือการใช้ทรัพยากรของรัฐไปในสิ่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย

กำแพงแห่งข้อมูล-ความลับระดับชาติ

ดร. บอกด้วยว่า แม้จะพูดถึงการเปิดเผยข้อมูลมานานนับ 10 ปี แต่เรื่องใหญ่ระดับชาติกลับยังคงถูก "ปกปิด" และเป็นความลับ ตัวอย่างของรายงานที่สังคมควรได้รับรู้แต่ยังไม่ถูกเปิดเผย ได้แก่ รายงานการสอบสวนคดีบอส อยู่วิทยา ซึ่งมีอาจารย์วิชา มหาคุณ เป็นประธาน กรณีนาฬิกายืมเพื่อนที่มีการร้องเรียน และรายงานการสอบสวนเหตุการณ์ที่ สตง. ถล่ม ซึ่งเป็นเรื่องของความปลอดภัย มาตรฐานวิชาชีพ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง

"รายงานนี้ยังไม่ยอมเปิดเผยเลย มันต้องเป็นความลับ แล้วมันกำลังเกิดอะไรขึ้นในบ้านเรา" ดร.มานะกล่าวพร้อมตั้งคำถาม

ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

การซื้อชัยชนะและศรัทธาที่พังทลาย

แม้แต่ในเรื่องของการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งใหญ่เมื่อต้นปี การเลือกตั้ง อบจ. หรือเทศบาล ปัญหา "การซื้อสิทธิ์ขายเสียง" ก็ยังคงเกิดขึ้น ทุกคนรู้ แม้แต่ กกต. ก็รู้ แต่ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างนี้ สุดท้ายแล้ว คนใช้เงิน, คนของบ้านใหญ่, นักการเมือง, และคนที่มีอิทธิพล ก็ยังคงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง 

"เทคนิคของคอร์รัปชันเหล่านี้ส่งผลให้ประชาชน ขาดความเชื่อมั่นต่อราชการ ต่อระบบงานของรัฐ ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมก็ลดลงหลายแห่ง และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญก็เกิดความแปรปรวน เป๋ไปเป๋มา"

ดร.มานะ สรุปอย่างน่าใจหายว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะทำนโยบายที่ดี เช่น เรื่อง Soft Power หรือการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประชาชนก็ยังไม่เชื่อมั่น เพราะคิดว่าโครงการเหล่านั้นถูกซ้อนไว้ด้วยคอร์รัปชัน เขาหวังว่า จากนี้ไปจะไม่มีรัฐบาล องค์กร หรือสถาบันใด ที่จะทำให้ประเทศไทย "ตกต่ำ เลวร้ายไปได้มากกว่านี้"

อย่างไรก็ตาม ดร.มานะ ได้ชี้ทางออกเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากประชาชนกลับคืนมา นั่นคือการ ทำอะไรให้มันโปร่งใสและเปิดเผย เพราะเมื่อเปิดเผยแล้ว ประชาชนจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้เอง