คอหวยรอลุ้น ไม่ถูกลอตเตอรี่ได้เงินคืน สนง.สลากฯ สรุปสัปดาห์หน้า

03 ต.ค. 2568 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 09:41 น.

สนง.สลากฯ เฉือนเนื้อคืนกำไรลูกค้า เร่งสรุปสัดส่วนการคืนเงินสัปดาห์หน้า สำหรับผู้ซื้อสลากดิจิทัล แล้วไม่ถูกรางวัล ระบุแปรผันเป็นเงินออม คาดได้เห็นใน 4 เดือน

KEY

POINTS

  • สำนักงานสลากฯ เตรียมคืนเงิน (cash back) ให้กับผู้ซื้อสลากดิจิทัลที่ไม่ถูกรางวัล เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการออม
  • คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัดส่วนเงินคืนในสัปดาห์หน้า โดยจะใช้งบประมาณจากส่วนบริหารจัดการ 17% ของสำนักงานสลากฯ เอง
  • เงินคืนดังกล่าวจะเป็นการออมระยะยาว โดยมีหลักการเบื้องต้นให้สามารถถอนเงินคืนได้เมื่ออายุครบ 55 ปี

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สนง.สลากฯ พร้อมรับนโยบายรัฐบาล ถึงการเดินหน้าศึกษาโครงการ cash back หรือการคืนเงินให้กับประชาชน ที่ซื้อสลาก L6 ในรูปแบบดิจิทัล หรือสลากดิจิทัล แล้วไม่ถูกรางวัล ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการสนับสนุนการออมของรัฐบาลอีกรูปแบบหนึ่ง โดยในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัดส่วนการคืนเงินให้กับประชาชนว่าจำนวนเท่าใด

“เรามีการหารือกับปลัดกระทรวงการคลังในเรื่องนี้หลายครั้งแรก คาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัดส่วนการคืนเงินในสัปดาห์หน้า และเสนอบอร์ดสลากฯ อนุมัติ เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามเดินหน้าต่อไป โดยกำหนดเห็นการคืนเงินภายใน 4 เดือน ตามนโยบายของรัฐบาล”

สำหรับการคืนเงินให้กับประชาชนนั้น จะมาจากสัดส่วน 17%ของรายได้สลากกินแบ่งรัฐบาล โดยในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น แบ่งสัดส่วน ได้แก่

  1. จัดสรรเป็นเงินรางวัล 60%
  2. นำรายได้ส่งเข้ารัฐ 23%  
  3. ค่าบริหารจัดการและจำหน่าย 17%

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ทั้งนี้ ในค่าบริหารจัดการและจำหน่าย 17% ดังกล่าวนั้น ยังแบ่งเป็น 12-14% จัดสรรเป็นส่วนลดของตัวแทน มูลนิธิ และองค์กร เหลือเพียง 3-5% ที่เป็นค่าบริหารสนง.สลากฯ เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น ซึ่งสนง.สลากฯ จะแบ่งจากสัดส่วนดังกล่าว เพื่อคืนเงินให้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จากจำนวน 17% นั้น มีตัวชี้วัดกำหนดว่า สนง.สลากฯ จะต้องนำเงินคืนส่งรัฐอีกรอบ โดยแต่ละปีสนง.สลากฯ มีรายได้จากสัดส่วนดังกล่าว อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และนำส่งรัฐอีก 7,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเข้าไปดูรายละเอียดว่าสามารถแบ่งสัดส่วนอย่างไรได้บ้าง เพื่อคืนเงินให้กับประชาชน

“พ.ร.บ.สลากฯ กำหนดไว้ชัดเจนว่า 23%ที่ส่งรายได้เข้ารัฐ ไม่สามารถนำไปใช้ส่วนอื่นได้ ฉะนั้น เราจึงจะเข้าไปดูรายละเอียดใน 17% สำหรับการบริหารจัดการ ว่าสามารถแบ่งสัดส่วนออกมาได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งปัจจุบันยอดขายต่องวดของสลากดิจิทัล อยู่ที่ 27 ล้านใบ/งวด”

ส่วนหากดำเนินโครงการดังกล่าวแล้ว มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มราคาสลาก เพื่อเพิ่มสัดส่วนการบริหารจัดการหรือไม่ พันโท หนุน กล่าวว่า ที่ผ่านมา สนง.สลากฯ เคยทำแบบสอบถามไปแล้ว หากมีการเพิ่มราคาสลากจาก 80 บาท เป็น 100 บาท เงินรางวัลก็จะเพิ่มขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจุบันราคาสลากยังเกิน 80 บาทอยู่ เราจึงยังไม่ควรขยายราคาสลากขึ้นไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่า โครงการคืนเงินสำหรับการซื้อสลากดิจิทัล แล้วไม่ถูกรางวัลนั้น เป็นการส่งเสริมการออมอีกช่องทางหนึ่ง ไม่ได้เป็นการเปิดมาเพื่อแข่งกับหวยเกษียณ ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถออมได้ทั้ง 2 ช่องทาง และการคืนเงินของสนง.สลากฯ นั้น หลักการเบื้องต้น จะสามารถถอนเงินคืนได้เมื่ออายุ 55 ปี ส่วนคนที่อายุ 56 ปีขึ้นไป จะสามารถออมได้อีก 5 ปี