KEY
POINTS
หลังจากนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ ถึงการลดภาระหนี้ประชาชน ว่า จะนำเงินในกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งมาจากธนาคารพาณิชย์ส่งเงินสมทบเข้ากองทุน โดยมีวงเงินเหลือออยู่ประมาณ 26,000 ล้านบาท มาบริหารผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อซื้อหนี้ NPL ของประชาชนออกมาปรับโครงสร้าง และตั้งเป้าหมายว่าจะลดหนี้ครัวเรือนให้ต่ำลงกว่า 87%
“การปรับโครงสร้างหนี้ จะเป็นการยืดหนี้ ลดดอกเบี้ย และลดภาระการผ่อนต่อเดือนลง เช่น เหลือ 500 บาทเพื่อให้ประชาชนมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น และจะมีสินเชื่อเพื่อคนตัวเล็กตัวน้อย ผ่านอารีย์สกอร์ ให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบ ไม่ต้องพึ่งพานอกระบบ”
ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นโยบายการลดภาระหนี้ประชาชน ผ่านการแก้ไขหนี้รายละไม่เกิน 1 แสนบาทนั้น ใช้งบประมาณจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2.6 หมื่นล้านบาท เป็นวงเงินที่เหลืออยู่จากโครงการคุณสู้เราช่วย ที่จะนำมาเป็นเงินทุนในการบริหารหนี้เสีย ซึ่งสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเราได้รับความร่วมมือจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเข้าไปแก้ระเบียบบางข้อที่ติดเงื่อนไขอยู่
ทั้งนี้ รูปแบบการเข้าไปแก้ไขหนี้ประชาชนรายย่อยนั้น จะดูแลลูกหนี้เสีย หรือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และลูกหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) มูลหนี้ไม่เกินรายละ 1 แสนบาท ซึ่งครอบคลุมลูกหนี้สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือนอนแบงก์
โดยลูกหนี้เสียธนาคารนั้น จำนวน 3.8 ล้านราย มูลหนี้รวม 1.2 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็น
สำหรับหลักการการบริหารหนี้เสีย มี 3 รูปแบบ ได้แก่
“รูปแบบ AMC รอบนี้ จะไม่เหมือน AMC ปกติที่ซื้อหนี้เสียจากธนาคารมาแล้วนำมาบริหารจัดการได้กำไรสูงสุด ก็ขายทำกำไร แต่รอบนี้จะเป็นลักษณะกึ่ง AMC เอื้ออาทร โดยยกหนี้กลุ่มข้างต้น ออกจากแบงก์แล้วมาพักไว้ที่ AMC และให้โอกาสลูกหนี้ปรับปรุงตัว แล้วกลับมาสู้ใหม่ได้ ซึ่งหากแบงก์ใหญ่มีศักยภาพพอที่จะตั้ง AMC ได้ ซึ่งรู้จักลูกหนี้ดีที่สุด ก็สามารถดูแลตัวเองได้”
ทั้งนี้ เงื่อนไขในการดูแลลูกหนี้ที่อยู่ใน AMC จะได้รับการผ่อนปรน ทำให้ลูกหนี้มีภาระการผ่อนต่อเดือนต่ำลง เช่น เคยผ่อน 2 พันบาท/เดือน อาจเหลือแค่ 500 บาท/เดือน เป็นต้น ซึ่งเรามีแนวทางดำเนินการจากโครงการคุณสู้เราช่วย ที่ยังมีข้อจำกัดบางส่วนอยู่ โดยจะมีการผ่อนปรนเกณฑ์มากขึ้น เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมนั้น อยู่ระหว่างหารือกับธปท. ซึ่งยืนยันว่าจะแล้วเสร็จใน 4 เดือน โดยเป็นหนึ่งใน Quick Big Win ของรัฐบาล