'วิวรรธน์' จี้รัฐ เร่งหาตลาดใหม่ ดึง FDI ด้านไบโอเทค พลิกฟื้นศก.ไทยสู่ความยั่งยืน

03 ต.ค. 2568 | 06:03 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2568 | 07:29 น.

'วิวรรธน์' รองประธาน ส.อ.ท. เผยเศรษฐกิจไทยกำลังซื้ออ่อน เร่งกระจายตลาดส่งออกตามแนวคิด ควบคู่ดึงลงทุนต่างชาติในไบโอเทค–AI สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมไทย เดินหน้าสู่เศรษฐกิจยั่งยืน

KEY

POINTS

  • เสนอให้รัฐบาลเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพิงตลาดยุโรป จีน สหรัฐฯ และอาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 60%
  • เรียกร้องให้ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) เพื่อสร้างความแตกต่างและรับมือกับปัญหาแรงงานน้อยและต้นทุนการผลิตสูง
  • ชี้ว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนต้องมาจากการสร้างสินค้ามูลค่าสูง โดยใช้จุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพมาพัฒนาสินค้ากลุ่มยา เครื่องสำอาง และอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อยกระดับภาคเกษตรกรรม

วันนี้ (3 ตุลาคม 2568) นายวิวรรธน์ เหมเมฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงาน Sustainability Expo 2025 A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry หัวข้อ “ผนึกพลังทางการค้า เปลี่ยนความท้าทายสู้โอกาส” จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 หรือ SX ว่า ความท้าทายในภาคอุตสาหกรรม โดยระบุว่า จากการหารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดการณ์ว่า GDP จะมีแนวโน้มลดลงในครึ่งปีหลัง ส.อ.ท. กำลังวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ อาทิ กำลังซื้อของประชาชนและหนี้สาธารณะ เพื่อหาแนวทางเพิ่มกำลังซื้อของคนในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจหมุนเวียน

เร่งหาตลาดใหม่และเพิ่มมูลค่าสินค้า

ปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกของไทยกว่า 60% พึ่งพาตลาดยุโรป จีน สหรัฐฯ และอาเซียน จึจำเป็นต้องหาตลาดใหม่เพื่อการกระจายสินค้า ตามแนวคิด “มาร์เก็ตยูนิเวอร์ซิตี้” ของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยยังคงเน้นสินค้าเดิมแต่ขยายฐานลูกค้า เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดเดิม เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังฟื้นตัวไม่เร็ว แต่เศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตได้ดี

“เราต้องมาดูว่าคุณภาพสินค้าเราสู้ได้ไหม ต้นทุนสู้ได้หรือเปล่า การแข่งขันต่างประเทศต้องพิจารณา 4P’s (Product, Price, Place, Promotion) ปัจจุบันสินค้าไทยมีคุณภาพที่แข่งขันได้ แต่ต้องเข้าใจตลาดเป้าหมาย เช่น สินค้าอาหารกลุ่มฮาลาล หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และลดการใช้พลังงาน รวมถึงการพัฒนาเรื่อง 0.4 จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขัน"

นายวิวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ควรดำเนินการให้เร็วขึ้น แรงกดดันทางการค้าจากหลายภูมิภาคทำให้เกิดการหารือเพื่อลดการพึ่งพิงตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ โดยช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลมีกลไก 4+4 ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน การเปิดตลาดใหม่ และการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคเอกชน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ดึงดูด FDI ด้วยนวัตกรรม-ชีวภาพ-AI

สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในภาคดิจิทัล เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นระบบนิเวศน์ที่ช่วยให้อุตสาหกรรมมีความมั่นคง และคาดว่าจะส่งผลให้ต้นทุนดาต้าลดลง อย่างไรก็ตาม ดาต้าเซ็นเตอร์ยังไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาเชิงลึกในไทยมากนัก FDI ที่ดีที่สุดควรเน้นความหลากหลายทางชีวภาพ โดย ส.อ.ท. เชิญชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในสินค้าที่มีนวัตกรรม ไม่พึ่งพาแรงงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกร

 

นายวิวรรธน์ เหมเมฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

ปัจจุบันนักลงทุนบางส่วนย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยังอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย แรงงานน้อย และมีต้นทุนการผลิตสูง เช่น ค่าแรงและค่าไฟฟ้า ประเทศไทยต้องปรับตัวให้แตกต่างและดึงดูดนักลงทุนด้วยนวัตกรรม โดยการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ด้าน AI และไบโอเทคโนโลยี จึงอยากเสนอ 3 ประเด็นให้ภาครัฐดำเนินการทำได้แก่ 1.ไบโอเทคโนโลยี 2.AI (ปัญญาประดิษฐ์) 3.Sustainability (ความยั่งยืน)

โดยใช้ GDP เป็นตัวชี้วัดและสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินงาน พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

นอกจากนี้ โครงสร้าง GDP ของไทยปัจจุบัน การค้า การท่องเที่ยว และการเงิน คิดเป็น 62% อุตสาหกรรม 30% และเกษตรกรรม 8% แต่มีประชากรกว่า 50% ทำอาชีพเกษตรกรรม การส่งออกของไทย 60% และการท่องเที่ยว 15% รวม 75% พึ่งพาตลาดต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในรูปแบบ OEM หากไทยต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องสร้างสินค้าที่มีมูลค่า โดยเฉพาะการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพ การลดคาร์บอน และการปลูกป่าให้มากขึ้น “ไบโอคือหัวใจมูลค่าสูงสุด” โดยยาเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าสูงสุด รองลงมาคือเครื่องสำอาง อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารทั่วไป และพลังงาน ซึ่งต้องทำควบคู่กันเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ทั้งนี้ ภาคเกษตรกรรมควรนำเทคโนโลยี Smart Farming และ Digital Technology มาใช้ ปัจจุบันมีโครงการจำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน ส.อ.ท. ได้จัดตั้งแพลตฟอร์ม Innovation One (INNOVATION ONE) ที่มีแนวคิด Build, Buy, Borrow เพื่อดึงนวัตกรรมและพาร์ทเนอร์จากต่างชาติ เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น จีน เกาหลี

 

'วิวรรธน์' จี้รัฐ เร่งหาตลาดใหม่ ดึง FDI ด้านไบโอเทค พลิกฟื้นศก.ไทยสู่ความยั่งยืน

 

นอกจากนี้ ส.อ.ท. ร่วมกับ ม.มหิดล พัฒนาแพลตฟอร์มโครงการ "SAI" (Smart Agriculture Industry) ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ผู้แปรรูป อุตสาหกรรมอาหารเสริม และผู้บริโภค