เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด ได้เท่าไหร่ เริ่มเดือนไหน

01 ต.ค. 2568 | 03:38 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2568 | 04:55 น.

ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด รัฐบาลให้เท่าไหร่ เริ่มเดือนไหน หลังครม. อนุมัติ ฐานเศรษฐกิจรวบรวมไว้ให้แล้วที่นี่

KEY

POINTS

  • รัฐบาลอนุมัติเพิ่มเงินพิเศษให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน คนละ 850 บาท
  • จะได้รับเงินเพิ่มเป็นเวลา 2 เดือน คือเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2568
  • ยอดเงินรวมในเดือนดังกล่าวจะเป็น 1,150 บาท (จากเดิม 300 บาท) และสามารถกดเป็นเงินสดได้

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับเงินตามนโยบายลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน

ทั้งนี้ ประเด็นที่ได้รับความสนใจก็คือ ได้เงินเท่าไหร่ เงื่อนไขในการใช้เป็นอย่างไร 

จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้คลายสงสัย พบว่า

13.4 ล้านคนได้สิทธิ์ก่อน

ล่าสุดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ ปี 2568 วงเงิน 22,780 ล้านบาท ให้กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อใช้เติมเงินเข้าไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยจำนวน 13.4 ล้านคน 

แจก 850 บาท 2 เดือน

สำหรับการจัดสรรงบประมาณลงไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งนี้ รัฐบาลจะเติมเงินส่วนเพิ่มให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการอีก 850 บาท จากเดิมที่ได้เดือนละ 300 บาท รวมเป็นวงเงิน 1,150 บาท โดยจะเติมเงินให้เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 

โดยการเติมเงินไปยังบัตรสวัสดิการแห่งรัฐครั้งนี้จะเป็นการเติม 2 ครั้ง โดยจะเติมให้ครั้งละ 850 บาท ระยะเวลา 2 เดือน ได้แก่

  • พฤศจิกายน
  • ธันวาคม 

ซึ่งหมายความว่า ในเดือนตุลาคมนี้ยังได้คนละ 300 บาท พอถึงเดือนพฤศจิกายน จะได้เงินบวกเพิ่มอีก 850 บาท เป็น 1,150 บาท เดือนธันวาคม ก็บวกอีก 850 บาทเป็น 1,150 บาท 

เท่ากับว่าได้รับเติม 2 ครั้ง ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถใช้ได้ตามเงื่อนไขเดิม และกดเป็นเงินสดได้ 

ไม่ใช่คนละครึ่ง

ส่วนกรณีที่รัฐบาลเคยออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า จะเติมเงินลงไปให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูงสุดคนละ 2,000 บาทนั้น นายสิริพงศ์ ระบุว่า การเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มอีก 850 บาท จะแบ่งจ่าย 2 ครั้ง รวมสองครั้งก็เป็นเงิน 1,700 บาท 

โดยผู้ที่ได้รับเงินเติมเข้าไปจะไม่ใช่ลักษณะที่ต้องจ่ายคนละครึ่ง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ดังนั้นเงินที่เติมเข้าไปสามารถจ่ายได้ทันทีไม่ต้องมีส่วนที่ต้องควักเพิ่มเหมือนโครงการคนละครึ่ง