KEY
POINTS
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภา ถึง ทิศทางและแผนงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในการขับเคลื่อนภาคเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยได้มีการแผนงาน 5 หลักการสำคัญ ในการดูแลสินค้าเกษตร อาทิ การประเมินอุปสงค์อุปทานล่วงหน้าโดยใช้ Data AI การบริหารจัดการตามสถานการณ์ (เช่น ปัญหาน้ำท่วม) และการผลักดันการส่งออกไปยังลูกค้าเดิมและหาศักยภาพใหม่ พร้อมผสมผสานการแปรรูป รวมถึงการกำหนดมาตรการนำเข้าที่เข้มข้นสำหรับสินค้าไม่ได้มาตรฐานและสินค้าที่มาจากการเผาซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
นางศุภจี เปิดเผยว่า สำหรับมาตรการระยะสั้น 4 เดือน กระทรวงพาณิชย์มุ่งเน้นการแก้ปัญหาราคาโดยการลดปริมาณซัพพลายในตลาด และลดภาระของเกษตรกร ได้แก่
ขณะเดียวกัน จะเร่งทำ MOU ล็อกโควตา โดยกระทรวงฯ กำลังเร่งเจรจา MOU กับญี่ปุ่น เพื่อล็อกโควตาข้าว 300,000 ตัน เนื่องจากญี่ปุ่นมีข้อตกลงต้องนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 75% ซึ่งอาจมาเบียดบังโควตาของไทยได้
นอกจากนี้ มีแผนเจรจา G2G กับสิงคโปร์ จากเดิมที่ค้าขายแบบเอกชนต่อเอกชน (P2P) กำลังพยายามเจรจา G2G เพื่อให้ได้ปริมาณการค้าที่แน่นอนและคาดการณ์ได้มากขึ้น รวมถึงขยายตลาดศักยภาพ เร่งเปิดตลาดใหม่ โดยมีเป้าหมาย อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ฮ่องกง และยุโรป
นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ข้าวโลก มีการผลิตและการบริโภคใกล้เคียงกันที่ 541 ล้านตัน แต่สต็อกข้าวโลกปัจจุบันอยู่ที่ 187.3 ล้านตัน ซึ่งมีความไม่สมดุลของอุปสงค์อุปทาน ปริมาณล้นตลาด โดยเฉพาะอินเดีย ยังมีข้าวค้างสต็อกอีก20 ล้านตัน ที่กำลังเร่งส่งออกในซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาข้าวโลก
สำหรับประเทศไทยมีผลผลิตข้าวรวม 25.3 ล้านตัน โดยผลผลิตปีนี้ 21.8 ล้านตัน บวกสต็อกปีก่อน 3.5 ล้านตัน เมื่อแยกประเภทข้าวออกพบว่า ข้าวหอมมะลิ 6.8 ล้านตัน ยังสามารถกระจายได้ดีทั้งในและนอกประเทศ แต่เมื่อหักลบปริมาณบริโภคในประเทศ 7.4 ล้านตัน โควตาส่งออก 5.9 ล้านตัน สำรองเพื่อความมั่นคง 2.5 ล้านตัน และเมล็ดพันธุ์ 0.9 ล้านตัน ปัญหาที่ต้องจัดการในทันทีจึงอยู่ที่ข้าวส่วนเกินปริมาณ 1.8 ล้านตัน
สำหรับการแก้ปัญหาราคาระยะยาว เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างการผลิต โดยมีแนวทาง 3 ด้าน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงดำเนินมาตรการเฉพาะสำหรับพืชผลอื่น ๆ เช่น เน้นการแปรรูปสำหรับ มันสำปะหลัง การกำหนดราคารับซื้อสำหรับ ปาล์มน้ำมันและการควบคุมการนำเข้าเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การผลักดันมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และไม่ต้องพึ่งพิงบริบทโลกที่ควบคุมไม่ได้หลายเรื่อง เช่น สภาวะภูมิอากาศ