เวียดนาม ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ทดลองใช้ปี 69 หวั่นนักลงทุนไทย ได้รับผลกระทบ

21 ก.ย. 2568 | 23:20 น.

เวียดนาม เตรียมนำ อัตราค่าไฟฟ้าแบบสองส่วน มาใช้กับใช้ต้นปี 69 หวัง ลดแรงกดดันลงทุนโครงข่าย และสร้างความโปร่งใสด้านต้นทุนพลังงาน พาณิชย์ ชี้ส่งผลกระทบต้นทุนนักลงทุนไทยในเวียดนาม

KEY

POINTS

  • เวียดนามเสนอปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่เป็นแบบสองส่วน ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมคงที่ตามกำลังการใช้ไฟ และค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้จริง
  • มีกำหนดทดลองใช้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในช่วงต้นปี 2569 ก่อนจะขยายผลทั่วประเทศในปี 2570
  • การปรับโครงสร้างนี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง ซึ่งอาจเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ (เวียดนาม) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่โดยกำหนดให้ทดลองใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบสองส่วน สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในช่วงต้นปี 2569 และมีแผนขยายผลทั่วประเทศภายในเดือนสิงหาคม 2570 

โดยอยู่ภายใต้ร่างข้อเสนอที่กำลังเปิดให้สาธารณชนแสดงความคิดเห็น ซึ่งกำหนดให้อัตราค่าไฟฟ้าแบ่งออกเป็นสององค์ประกอบ คือ ค่าธรรมเนียมคงที่ตามกำลังการใช้ไฟที่จดทะเบียน และค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้จริง 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะมีการนำร่องและดำเนินการเป็น 4 ระยะ เริ่มจากระยะที่ 1 (ปัจจุบัน – กลางปี 2569) ทดลองใช้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (DPPA) กับผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน รวมถึงผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในภาคการผลิตและธุรกิจ 

ขณะที่ระยะที่ 2 (มกราคม – มิถุนายน 2569) ออกใบแจ้งหนี้คู่ขนานให้ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยไม่ต้องชำระเงินเพื่อให้คุ้นเคยกับระบบใหม่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับโครงสร้างราคา จากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 3 (กรกฎาคม 2569 – กรกฎาคม 2570) การทดลองใช้จริงเพื่อติดตามพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ รายได้จากการจำหน่าย และศึกษาแนวทางปรับปรุงโครงสร้างราคา ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะที่4 (ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2570 เป็นต้นไป) พิจารณาขยายการใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบสองส่วนไปยังกลุ่มผู้ใช้อื่น ๆ โดยการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) จะเป็นผู้จัดทำข้อเสนอโครงสร้างราคาตามแผนและนำเสนอต่อกระทรวงเพื่อดำเนินการอย่างเป็นทางการ

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เวียดนาม ระบุว่า ในระยะเริ่มต้นกลไกดังกล่าวจะบังคับใช้กับผู้ใช้ไฟรายใหญ่ทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น และจะมีการนำระบบอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันตามช่วงเวลาการใช้ไฟ (peak and off-peak pricing) มาใช้ในระยะถัดไปเพื่อเสริมสร้างความเป็นธรรมยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แนวทางการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าแบบสองส่วนถือเป็นมาตรฐานที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกนำมาใช้แล้ว เนื่องจากช่วยสร้างแรงจูงใจในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการลงทุนสร้างกำลังการผลิตใหม่ รวมทั้งบรรเทาความกดดันด้านการขยายโครงข่ายไฟฟ้า 

โดยมองว่ากลไกนี้จะช่วยสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้ใช้ไฟในภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ รวมถึงสำคัญต่อการดำเนินสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง และเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวสู่ตลาดไฟฟ้าที่มีการแข่งขันอย่างเสรีในอนาคตของเวียดนาม

ปัจจุบัน เวียดนามยังคงใช้โครงสร้างค่าไฟฟ้าแบบส่วนเดียว โดยคิดค่าไฟจากปริมาณการใช้เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของภาคไฟฟ้า ทั้งในด้านค่าเสื่อมราคาของอุปกรณ์ สายส่ง และสถานีไฟฟ้าย่อย การเปลี่ยนมาใช้โครงสร้างแบบสองส่วนจึงมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ และการนำระบบค่าไฟฟ้าแบบสองส่วนมาใช้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในเชิงเศรษฐกิจและการค้า เนื่องจากจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเป็นธรรม โดยเฉพาะต่อผู้ใช้งานภาคอุตสาหกรรมและการค้า ลดการบิดเบือนต้นทุนและความเหลื่อมล้ำด้านพลังงาน 

อีกทั้งยังสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดแรงกดดันจากการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าและขยายโครงข่ายใหม่ ขณะเดียวกันยังเป็นการวางรากฐานสู่ ตลาดไฟฟ้าที่มีการแข่งขันมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักลงทุนพลังงานหมุนเวียนและผู้ประกอบการในภาคไฟฟ้ามีบทบาทมากขึ้น

ปรับสร้างโครงไฟฟ้ากระทบนักลงทุนไทย

อย่างไรก็ตาม มาตรการทดลองใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบสองส่วนของเวียดนามจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการไทยที่มีการลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารแปรรูป เนื่องจากโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่สะท้อนต้นทุนจริงมากขึ้น ผู้ประกอบการอาจต้องเผชิญกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น 

ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมเวียดนามโดยรวมจะมีความโปร่งใสและคาดการณ์ได้มากขึ้น อาจทำให้คู่แข่งท้องถิ่นมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวได้ด้วยการเร่งใช้เทคโนโลยีการจัดการพลังงานและระบบประหยัดไฟฟ้าในโรงงาน รวมถึงการทบทวนสัญญาทางการค้าให้สอดรับกับค่าไฟฟ้าส่วนคงที่ (capacity charge) นอกจากนี้ยังควรพิจารณาความร่วมมือกับผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม เพื่อลดความเสี่ยงด้านต้นทุนและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างใหม่ที่เอื้อต่อการลงทุนพลังงานสะอาดในเชิงโอกาส ระบบค่าไฟฟ้าแบบสองส่วนจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและบริการด้านเทคโนโลยีจัดการพลังงาน ซึ่งเปิดทางให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและดิจิทัลโซลูชัน ขยายธุรกิจเข้าสู่เวียดนามมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานสะอาดในระดับอาเซียน ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการค้าพลังงานในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ