หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่ชี้มูลความผิดคดีปาล์มอินโดนีเซีย นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา ส่งโนติสเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจาก ปตท.และกรรมการ อ้างถูกกระทำละเมิดและกลั่นแกล้ง
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 ไม่ชี้มูลความผิดนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท.กรีน เอเนอร์ยี่ จำกัด กับพวกรวม 17 คน ในคดีปลูกปาล์มประเทศอินโดนีเซีย
คณะกรรมการ ป.ป.ช.สรุปผลการไต่สวนว่า ไม่เป็นการกระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย โดยข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป เนื่องจากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่านายนิพิฐกระทำทุจริตและได้รับผลประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวหา
นอกจากนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. กรีนเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ในสมัยของนายนิพิฐ และการบริหารกิจการทั้งปวงก็ไม่ได้ฝ่าฝืนหรือขัดต่อมติของคณะกรรมการบริษัทแต่ประการใด โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นในการลงทุนมาจากการบริหารจัดการของผู้บริหารชุดถัดมา
ล่าสุด นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้มอบหมายให้นายสุรสิทธิ์ กิตติสุทธิวงศ์ ทนายความ ส่งโนติสถึงบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน), บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และกรรมการทุกคน เรื่องขอให้ชดใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนจากการจงใจกระทำละเมิด เจตนากลั่นแกล้ง และการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตทั้งทางอาญาและทางแพ่ง
นายนิพิฐ ได้เรียกร้องค่าเสียหายครอบคลุม 11 รายการหลัก ประกอบด้วย
1. ค่าสินไหมจากการเลิกจ้างไม่ชอบ จากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2. ค่าสินไหมทดแทนจากการที่ไม่ได้รับเงินสบทบตามระเบียบการจ้าง ของบริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
3. ค่าสินไหมทดแทนจากอายุงานคงเหลือหากไม่ถูกใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายบอกเลิกจ้าง
4. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ อิศรากูร ณ อยุธยา ไม่ได้รับเงินและประโยชน์ตอบแทนที่พึงจะได้รับ คือ เงินโบนัสประจำปี ซึ่งได้รับเป็นประจำทุก ๆ ปี ปีละไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้าง 6 เดือน
5. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ อิศรากูร ณ อยุธยา ได้เสียสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะได้รับ ได้แก่ สิทธิในการรักษาพยาบาลรายปี, สิทธิในการใช้รถยนต์พาหนะ, สิทธิในการซื้อหุ้นในบริษัท เป็นต้น
6. ค่าสินไหมทดแทนจากการบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ อิศรากูร ณ อยุธยา สูญเสียโอกาสได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
7. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกใส่ความว่ากระทำทุจริตต่อหน้าที่ อาศัยความอันเป็นเท็จนั้นบอกเลิกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ อิศรากูร ณ อยุธยา และวงศ์ตระกูลเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
8. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกกลั่นแกล้งด้วยการนำความเท็จมากล่าวหาและส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินคดีอาญาเป็นเหตุให้ นายนิพิฐ อิศรากูร ณ อยุธยา ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและว่าจ้างทนายความแก้ต่างมากกว่า 10 ปี
9. ค่าสินไหมทดแทนจากการถูกกลั่นแกล้งด้วยการนำคดีมาฟ้องต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1751/2558 ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีและว่าจ้างทนายความแก้ต่างมากกว่า 10 ปี
10. ค่าสินไหมทดแทนจากการสูญเสียโอกาสในการทำงานอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถประกอบกิจการใด ๆ หรือสมัครเข้าทำงานใด ๆ ได้เพราะเป็นผู้มีประวัติถูกเลิกจ้างในความผิดอย่างร้ายแรง อันเป็นผลโดยตรงจากการจงใจกระทำละเมิด
11. ค่าเสียหายเบ็ดเตล็ดในส่วนอื่น ๆ
รวมเป็นจำนวนเงินค่าชดเชยและค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 500,000,000 บาท (ห้าร้อยล้านบาทถ้วน) กำหนดเวลา 15 วัน
ทนายความระบุในโนติสว่า หากไม่ได้รับเงินชดเชยจำนวน 500 ล้านบาท ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาอย่างเด็ดขาด