‘เอกนัฏ’ รับทีมสุดซอยต้องเปลี่ยนสภาพ หลังพ้นตำแหน่งเก้าอี้ รมต.

12 ก.ย. 2568 | 07:49 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ย. 2568 | 07:49 น.

‘เอกนัฏ’ เผยทีมสุดซอยต้องเปลี่ยนสภาพเป็นคณะสุดซอย หลังพ้นตำแหน่งเก้าอี้ รมต. ยันยังพร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ และการบังคับใช้กฏหมายอย่างเครงครัด

KEY

POINTS

  • เอกนัฏ เผยว่า "ทีมสุดซอย" ต้องปรับเปลี่ยนสถานะเป็น "คณะสุดซอย" หลังตนเองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
  • แม้จะไม่มีอำนาจรัฐมนตรีแล้ว แต่คณะดังกล่าวยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการและภาคประชาชนเพื่อตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายต่อไป
  • ชี้แจงผลงานที่ผ่านมาของทีมในการเปิดโปงปัญหาที่ถูกซุกซ่อน เช่น การกวาดล้างจีนเทา สินค้าด้อยคุณภาพ และบ่อขยะอุตสาหกรรม
  • แสดงความเชื่อมั่นว่าภารกิจที่ได้ริเริ่มไว้จะได้รับการสานต่อโดยผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมชุดต่อไป

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันชุดสุดซอยได้มีการปรับสภาพ เนื่องจากมากับตนก็ต้องไปกับตน เปลี่ยนจากชุดสอดซอยที่เดิมมีอำนาจรัฐมนตรีในการทำหน้าที่ในการออกปฏิบัติงาน เป็นคณะสุดซอย 

อย่างไรก็ดี คณะดังกล่าวยังทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการที่จะเข้าไปตรวจสอบ และบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด ทำงานกับภาคประชาชน กับท้องถิ่นต่อไป

“แม้ภารกิจในตำแหน่ง รมต. จบลงแต่เชื่อว่าภารกิจที่ได้ดำเนินการไว้ จะถูกข้าราชการกระทรวงอุตฯสานต่อไปอย่างแน่นอน”

‘เอกนัฏ’ รับทีมสุดซอยต้องเปลี่ยนสภาพ หลังพ้นตำแหน่งเก้าอี้ รมต.

ทั้งนี้ ผลงานและการปฏิรูปในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าสังคมและประชาชนที่ติดตามการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เห็นผลงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะชุดสุดซอยที่ทำงานร่วมกันได้จุดประกายความหวังให้กับภาคอุตสาหกรรมว่าการทำดีทำถูกต้องสามารถประสบความสำเร็จได้

กระทรวงฯได้เริ่มปรับปรุงกติกาให้เป็นที่ยอมรับ เป็นมาตรฐาน และเป็นสากล เพื่อให้อุตสาหกรรมมีความสะดวก สะอาด และทันสมัยตามที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่แรก

โดยปัญหาหลายเรื่องที่เคยถูกซุกซ่อนอยู่ หรืออุตสาหกรรมที่ซึมอยู่ใต้ดิน ทั้งการกวาดล้างจีนเทา และสินค้าด้อยคุณภาพได้ถูกเปิดเผยออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม มีการจัดการจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลัง เช่น กรณีพบบ่อขยะอุตสาหกรรมเกือบแสนตันที่ระยอง เป็นต้น

“การที่ได้นำแสงสว่างฉายไปยังปัญหาเหล่านี้ จะทำให้ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งต่อจากนี้ไม่สามารถละเลยได้ การปิดโรงงานและการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องที่ทำผิดกฎหมายจะต้องดำเนินต่อไป โดยเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่สร้างขึ้น ค่าทัศนคติ และวิสัยทัศน์ที่ฝากไว้กับกระทรวงอุตสาหกรรมจะได้รับการสานต่อจากปลัดและผู้บริหารกระทรวง”