นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมศุลกากร อยู่ระหว่างแก้กฎหมาย เพื่อเดินหน้าลดภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐอเมริกากว่า 1 หมื่นรายการ โดยเป็นไปตามข้อตกลงนโยบายภาษีสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ได้ภายในปี 2568 นี้
ทั้งนี้ ประเมินว่าในปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากการลดภาษีดังกล่าว 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ภาษีนำเข้าจากสหรัฐเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท
“การลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐ คาดสูญเสียรายได้เกือบ 50% ของการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ที่เฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท”
ส่วนในเรื่องการใช้ชิ้นส่วนในการผลิตในประเทศ หรือ Local content นั้น ปัจจุบันอยู่ที่สัดส่วน 40% อย่างไรก็ตาม คาดว่าสหรัฐจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 50% แต่มั่นใจว่า ผู้ประกอบการจะสามารถปรับตัวได้ และที่ผ่านมาได้มีการประสานผู้ผลิตให้เตรียมตัวรับมือเพิ่มสัดส่วน Local content และสุดท้ายจะเป็นผลดีระยะยาวต่อผู้ผลิต และเศรษฐกิจในประเทศ
ด้านการเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าสวมสิทธิ์ และสินค้าผ่านแดนนั้น ตอนนี้ได้มีการประสานความร่วมมือกับกรมการค้าต่างประเทศ ในการตรวจสอบสินค้ากลุ่มเสี่ยงกว่า 80 รายการ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ออกใบอนุญาตรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้กับผู้ผลิต และกรมศุลกากร จะเป็นหน่วยงานสุ่มตรวจสินค้าที่นำเข้าและส่งออกอย่างรวดเร็ว ตลอดจนสินค้าที่มีการกำกับว่าเมคอินไทยแลนด์
สำหรับแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2568 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ขอลดเป้าประมาณการลง อยู่ที่ 1.12 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจ รวมถึงการนำเข้ารถไฟฟ้า จากนโยบายของรัฐ ทำให้การจัดเก็บรายได้หายไป
ส่วนในปีงบประมาณ 2569 ยังไม่ปรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ และยังคงจับตาผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐ