เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ อปท. ชวดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.2 หมื่นล้าน

17 ส.ค. 2568 | 04:12 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2568 | 04:23 น.

เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ หลังข้อเสนอโครงการ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของกระทรวงมหาดไทย 4.2 หมื่นล้าน ถูกตีตกงบกระตุ้นเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ หลังข้อเสนอโครงการ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. ของกระทรวงมหาดไทย 4.2 หมื่นล้าน ถูกตีตกงบกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • รัฐบาลตัดสินใจ โยกเงินงบประมาณก้อนที่เหลือสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปรองรับวิกฤตอื่นแทน โดยอ้างถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการใช้งบกลาง 
  • ครม.อนุมัติเรียบร้อยเปลี่ยนแปลงโครงการจากจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. ไปเป็นการจัดสรรเงินให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน และ กยศ.

งบกระตุ้นเศรษฐกิจ ล็อตสอง วงเงินกว่า 42,000 ล้านบาท ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 วงเงิน 18,488 ล้านบาท โดยที่ไม่มีโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นั้น 

ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบข้อมูลเอกสารของกระทรวงการคลัง ที่นำเสนอเข้ามายังครม.ฉบับเต็ม พบว่า มีการนำเสนอเหตุผลสำคัญเกี่ยวกับการพับข้อเสนอโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเดิมรัฐบาลกันไว้ให้ โดยมอบหมาย กระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการจัดทำข้อเสนอเข้ามาพิจารณา

แต่ท้ายที่สุดได้มีการปรับเปลี่ยนโครงการกะทันหัน โดยเฉพาะรอยต่อในช่วงการปรับครม.ของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่มีการเปลี่ยนเจ้ากระทรวงมหาดไทย จากโควตาพรรคภูมิใจไทย มาเป็นพรรคเพื่อไทยแทน ทำให้คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชุดใหญ่ ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการเดิมของ อปท. โดยเห็นควรว่า ควรเปลี่ยนมาทำโครงการสำคัญ 2 โครงการแทน นั่นคือ  

  1. การจัดสรรเงินให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท 
  2. การจัดสรรเงินให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท

สำหรับเหตุผลความจำเป็นมีด้วยกัน 3 เหตุผลหลักที่ทำให้รัฐบาล โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เปลี่ยนใจ ประกอบไปด้วย เหตุผลด้านเศรษฐกิจ เหตุผลด้านการตรวจสอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. และเหตุผลด้านกรอบระยะเวลา (Timeline) ฐานเศรษฐกิจสรุปรายละเอียดได้ดังนี้

 

เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ อปท. ชวดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.2 หมื่นล้าน

 

เหตุผลด้านเศรษฐกิจ

บอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นว่า สถานการณ์การเจรจาเรื่อง ภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ระหว่างไทย กับสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ และจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2568 ชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ขนาดของผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับอัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ จะใช้กับไทยหลังจากวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป 

จึงทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมแผนรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยการพิจารณา ทบทวนโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่เสนอเข้ามาแล้ว เช่น การปรับเปลี่ยนการก่อสร้างและจ้างงาน ไปเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ การพัฒนา ทุนมนุษย์ เป็นต้น 

ประกอบกับความเห็นของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2568 เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยเห็นว่า เพื่อช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้า และการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประเทศมหาอำนาจ นอกจากการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาการทะลักของสินค้าต่างประเทศ (Import Flooding) โดยบังคับใช้กฎหมายและตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวด

เหตุผลด้านการตรวจสอบข้อเสนอจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท.

คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ได้ร่วมกันตรวจสอบคำขอรับจัดสรร งบประมาณโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. เมื่อวันที่ 19 และ 27 มิถุนายน 2568 พบว่า 

คำขอรับจัดสรรงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. มีการดำเนินการ ในหลายลักษณะ เช่น การก่อสร้างฝาย ขุดลอก ก่อสร้าง/ปรับปรุงถนน ตู้น้ำดื่มสะอาด การติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง เป็นต้น ซึ่ง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เพื่อขอให้กำชับและกำกับดูแล อปท. ให้ดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ละเอียด รอบคอบ 

รวมทั้งต้องคำนึงถึงการกระทำการใด ๆ อันอาจเล็งเห็นได้ว่าเป็นเหตุหรือช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ อื่นใดเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยมิชอบ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการดำเนินการอย่างเร่งรัด ในระยะเวลาเร่งด่วน ประกอบกับคำขอรับจัดสรรงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. ที่เสนอมายังไม่ได้รับการยืนยันตัวเลขจากกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง 

อีกทั้งยังพบว่า บางรายการมีการแก้ไขวงเงิน แก้ไขหน่วยดำเนินการ รวมทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงรายการ แก้ไขชื่อรายการ และมีชื่อรายการซ้ำกัน ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งหากนำมาพิจารณากลั่นกรองอาจเกิดความผิดพลาดและไม่รอบคอบได้

 

เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ อปท. ชวดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.2 หมื่นล้าน

 

เหตุผลด้านกรอบระยะเวลา

บอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นว่า เนื่องจากคำขอรับจัดสรรงบประมาณโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และ อปท. ยังพบความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับจำนวนโครงการ รายการ และวงเงิน ประกอบกับเมื่อพิจารณากรอบระยะเวลาการดำเนินการแล้วพบว่า การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของจังหวัด และกลุ่มจังหวัด และ อปท. อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายใน 30 กันยายน 2568 

ทั้งนี้เนื่องจากการพิจารณา โครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ครบถ้วน และรอบคอบ อีกทั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 จะเกิดการทับซ้อนกับ กระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งจะทำให้กระบวนการต่าง ๆ ล่าช้าออกไป

 

เปิด 3 เหตุผลที่ยากปฏิเสธ อปท. ชวดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.2 หมื่นล้าน

 

ด้วยเหตุนี้ บอร์ดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นข้างต้น จึงได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 ตามที่ ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอ ซึ่งเป็นโครงการ ที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว 

โดยดำเนินการผ่านหน่วยงานที่มีความเหมาะสม ได้แก่ 1.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และ 2. กยศ. เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงาน มีความเหมาะสม คล่องตัว และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และได้เสนอเข้ามายังที่ประชุมครม.เห็นชอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา