นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความกังวลว่าการเจรจาจะไม่จบ ดังนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบ จึงต้องเร่งหาทางเพื่อที่จะทำให้สหรัฐฯ พอใจกับข้อเสนอของไทยให้ได้ บนพื้นฐานว่าจะต้องสมดุลทั้ง 2 ฝ่าย
โดยมองว่าอัตราภาษีนำเข้าที่ 36% นั้นสูงเกินไป เพราะหากเปรียบเทียบกับเวียดนามที่โดนเรียกเก็บภาษี 20% ขณะที่เวียดนามเกินดุลสหรัฐฯ ถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ต่างกับไทยถึง 3 เท่า แต่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ 4.6-4.7 หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น
ทั้งนี้ ข้อเสนอที่ปรับปรุงไป ไทยก็ให้เต็มที่แล้ว พยายามเสนอในสิ่งที่ทำได้ และเป็นสิ่งที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยมากเกินไป โดยเฉพาะภาคการส่งออก และเน้นนำเข้าในสิ่งที่ขาดแคลน
ส่วนอัตราภาษีที่ไทยโดน 36% นั้น หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านจะลำบาก ถามว่าสะเทือนมากแค่ไหน ก็ต้องดูประเทศอื่น หรือคู่แข่งด้วยว่าโดนกันเท่าไร ตอนนี้ผลออกมาแค่ 2-3 ประเทศเท่านั้น บางอย่างอาจจะเสียเปรียบ บางอย่างอาจจะไม่เสียบเปรียบ บางอย่างเสียเปรียบมาก แต่บางอย่างก็เสียเปรียบน้อย ประเด็นเหล่านี้ต้องมาวิเคราะห์กันว่าจะแก้ไขอย่างไร
อย่างไรก็ดี หากถามว่าไทยควรจะได้อัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เท่าไรนั้น ก็ต้องมาคิดว่าอัตรา 10% เป็นฐานต่ำที่สุด ถ้าไทยทำได้ดีที่สุดที่ 10% ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องมาดูว่าจะได้ขนาดไหน ขอแค่อย่าเสียเปรียบคู่แข่งมากเกินไป
ส่วนข้อเสนอที่ไทยจะลดอัตราภาษีนำเข้าบางรายการให้สหรัฐฯ ที่ 0% นั้น มองว่าพิกัดภาษีบางรายการสินค้ามีการกำหนดมานาน และกำหนดสูงมาก อัตรา 30-60% แต่ไม่ได้มีการนำเข้าเลย ตรงนี้ก็ถือเป็นโอกาสล้างบาง เช่น ผลไม้ ทุกวันนี้ไทยนำเข้าผลไม้จากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจีน โดยใช้ FTA ซึ่งภาษี 0% อยู่แล้ว ดังนั้นบางเรื่องการลดภาษีเหลือ 0% จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะบางสินค้าเราก็ได้ภาษี 0% อยู่แล้ว