นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเจรจาภาษีสหรัฐมีการทำงาน 2 ระดับ ได้แก่ ระดับการทำงาน และระดับนโยบาย โดยระดับทำงานรับทราบทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณา และส่งต่อให้ระดับนโยบาย ซึ่งการเลื่อนจัดเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% เป็นวันที่ 1 ส.ค.68 ถือว่าดีแล้ว
ขณะที่การเจรจากับกระทรวงพาณิชย์ก่อนหน้านี้นั้น เป็นการเตรียมตัวเพื่อแก้ไขปัญหา และเราเตรียมแนวทางไว้แก้ไขหลายสถานการณ์ ทั้งนี้ เรายังยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศไทย
“เราดีใจที่เขาเลื่อนการจัดเก็บภาษีออกไป ไม่ผิดคาด ซึ่งหากเปรียบเทียบคนที่ยอมทุกอย่าง ได้ลดอัตราภาษี 20% แต่เรายอมเกือบทุกอย่าง คิดว่าจะได้เท่าไหร่ ซึ่งเงื่อนไขอื่นๆ อาจจะได้มากว่า เรายังมีองค์ประกอบอื่น”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิชัย กล่าวว่า ประเทศไทยเราได้มีการปรับปรุงข้อเสนอเพิ่มเติม จากการเดินทางไปเจรจาร่วมกับสหรัฐ เมื่อวันที่ 2-3 ก.ค.68 ที่ผ่านมา โดยเราได้ส่งข้อเสนอใหม่ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.68 ขณะนี้ถึงมือผู้แทนการค้าแล้ว แต่ยังไม่ถึงฝ่ายนโยบายที่จะนำข้อมูลมาประกอบพิจารณาการค้า ทั้งนี้ ช่วงนั้นสหรัฐรับเจรจากับหลายประเทศต่อเนื่อง เราจึงไม่แปลกใจที่การพิจารณารายละเอียดจะยังไม่แล้วเสร็จ
“เพื่อให้ทำงานต่อได้ เราก็เข้าใจว่าระดับนโยบายสหรัฐต้องประกาศเลื่อนจัดเก็บภาษีออกไปเป็น 1 ส.ค.68 เพื่อให้ประเทศต่างๆ เร่งเจรจา และวิธีการประกาศใหม่แทนที่จะใช้อัตราเดิม เราวิเคราะห์ว่ากรณีประเทศขนาดเล็กที่คิดอัตราภาษี 40% จึงดึงลงมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนประเทศที่ต่ำกว่า 40% ก็จะได้รับการลดลงมาเล็กน้อย หรืออยู่ระดับเดิม โดยการเพิ่มหรือลด 1% เพื่อจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการพิจารณา เราเห็นว่าวิธีการปรับนี้เป็นวิธีเบื้องต้น”
หากถามว่าไทยจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมนั้น เราได้ติดต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐไปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังเร่งพิจารณาข้อเสนอใหม่ของไทยอยู่ ทั้งนี้ การปรับข้อเสนอใหม่เป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับข้อสังเกต และเราจะต้องเร่งให้ได้ข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ส.ค.68 โดยข้อเสนอที่ปรับปรุงนั้น เราไม่ได้ให้ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข และเราไม่ได้ให้น้อยไป แต่ปรับให้อยู่ในเกณฑ์ที่สูง เป็นที่น่าพอใจ หากเปรียบเทียบกับสัดส่วนนั้น ก็ประมาณ 90%
“สมมุติบางประเทศยอมให้สหรัฐโดยไม่มีเงื่อนไข 100% แต่เราเลือกให้ 90% และอีก 10% คือสัดส่วนที่เราจะดูแลในหลายเรื่องในประเทศ เช่น ผู้ผลิตภายในประเทศ ซึ่งสิ่งที่สหรัฐเรียกร้องไม่ต้องการให้ไทยลดภาษีนำเข้า 0% ทั้งหมด แต่เรียกร้องในสิ่งที่เขาควรได้ ซึ่งสหรัฐไม่ได้มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับไทย การจัดเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐหลายรายการยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง หากปรับลดลงมา 0% หรือเทียบเคียงประเทศอื่นๆ เราก็ปรับให้ และส่วนใหญ่เป็นรายการที่ 0% แต่ยืนยันว่าเราก็จะให้สหรัฐในสัดส่วนที่ไม่เสียเปรียบประเทศคู่ค้า”
ทั้งนี้ มั่นใจว่าข้อเสนอใหม่ของไทย หากได้รับการพิจารณาแล้ว อัตราภาษีที่สหรัฐจะเก็บไทยจะลดลงอีก อีกทั้งยังคิดว่า จากข้อเสนอเก่าของเรา สหรัฐยังพิจารณาได้แล้วเสร็จยังไม่ถูกส่งไปยังระดับนโยบาย ซึ่งเมื่อสรุปข้อเสนอเก่า และข้อเสนอใหม่แล้ว จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ขณะที่ข้อเสนอการลดขาดดุลการค้านั้น สหรัฐก็ค่อนข้างพอใจ แต่สหรัฐอย่างให้ไทยปรับปรุงเรื่องการนำสินค้าเข้ามาขายในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐมีความประสงค์ที่จะให้ทุกคนเร่งให้จบก่อน 1 ส.ค.68 โดยขั้นตอนหลังจากนี้ เราจะชี้แจงให้ผู้ประกอบการเข้าใจว่าอัตราที่เราได้นั้น เพราะต้องการให้เลื่อนระยะเวลาออกไปอีก ฉะนั้น การเจรจายังไม่จบ และเชื่อว่าสิ่งที่เสนอไปเป็นข้อเสนอที่ดี จะนำมาเพื่อข้อยุติที่ดี
“หากสหรัฐต้องการให้เราไปย้ำอีกที เราก็พร้อมเดินทางไปตลอด 24 ชั่วโมง และเราจะเร่งเจรจาเพื่อไม่ให้ได้สัดส่วนการเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐ 36% ซึ่งเราเชื่อว่าสามารถทำได้ทัน”