นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสมชาย แสวงการ อดีต สว., นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักกฎหมาย, นายนิติธร ล้ำเหลือ และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีต สว. เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมกว่า 1,000 หน้า รวม 11 รายการ ต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 2 ก.ค.68
เพื่อยืนยันข้อกล่าวหาเอาผิดคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมถึงคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2568, สส. และ สว. ที่ร่วมมีมติปรับลดงบประมาณจำนวน 35,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นายชาญชัย กล่าวว่า เอกสารที่ยื่นเพิ่มเติมประกอบด้วยข้อมูลแผนบริหารหนี้สาธารณะ การตรวจสอบบัญชีของ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน เอกสารของสำนักงบประมาณ ตลอดจนความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงงบประมาณต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 โดยระบุว่าการตัดงบประมาณที่มีข้อผูกพัน เช่น เงินต้นหรือดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อโยกไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญโดยชัดเจน
“พฤติการณ์นี้ไม่เพียงเป็นการละเมิดข้อกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงการใช้อำนาจโดยไม่เคารพหลักธรรมาภิบาล เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ม.144 ระบุว่า ผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง” นายชาญชัยกล่าว
นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า เงินที่นำมาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นมาจากการกู้ยืมของ 5 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ธ.ก.ส., ธอส., SME Bank, ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า ซึ่งรัฐบาลควรจัดงบเพื่อใช้หนี้ ไม่ใช่นำไปแจกเงินเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยตนยอมรับว่าแม้ตนเองจะเคยดำรงตำแหน่ง สว. และอยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ด้วย แต่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ ป.ป.ช. เร่งชี้มูลความผิดภายในกรอบเวลาตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ฝ่ายนายชาญชัยยังเน้นว่าการแปรญัตติปรับลดงบชำระหนี้ให้ธนาคารรัฐทั้ง 5 แห่ง เพื่อนำไปแจกเงิน เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลต้องตั้งงบเพื่อชดเชยหนี้จากโครงการตามนโยบายรัฐในโอกาสแรกที่สามารถทำได้
“พฤติการณ์นี้ชี้ชัดถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบ และเชื่อมั่นว่าป.ป.ช.จะเร่งรัดกระบวนการพิจารณาและส่งคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว” นายชาญชัยกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายเจษฎ์ โทณะวณิก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้อาจส่งผลให้ สส. และ สว. ที่เกี่ยวข้อง 309 คนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิด “สุญญากาศทางการเมือง” แต่ตนยืนยันว่าจะไม่มีสุญญากาศ เพราะยังมี 2 ทางออก ได้แก่ การให้ปลัดกระทรวงต่างๆ เลือกบุคคลมารักษาการนายกรัฐมนตรี หรือให้พรรคการเมืองลาออกเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45–60 วัน ตามแนวปฏิบัติของระบอบประชาธิปไตย
“คนที่กล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ต้องการสร้างสุญญากาศเพื่อเปิดทางให้รัฐประหาร นั่นแหละคือพวกที่หวังจะได้ประโยชน์จากความปั่นป่วน หน้าที่ของสมาชิกสภาคือการปกป้องเงินแผ่นดิน แต่เมื่อไม่ทำ ประชาชนจึงลุกขึ้นมาปกป้องแทน และยืนยันว่าการเมืองไทยยังเดินหน้าต่อได้ตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องอาศัยวิธีนอกระบบ” นายเจษฎ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเอกสารหลักฐานที่นายชาญชัยและคณะนำส่งมอบเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช.ประกอบด้วย
"ทั้งหมดนี้ เป็นหลักฐานเอกสารการกู้เงินตามมติ ครม.โดย5ธนาคารรัฐวิสาหกิจของรัฐ ที่ไปกู้มีวัน เวลา และโครงการตามนโยบายธุรกรรมของรัฐรองรับว่าเป็นเรื่องอะไร“ นายชาญชัย กล่าว