โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า ฉุดเชื่อมั่นอุตสาหกรรม พ.ค.ดิ่ง

30 มิ.ย. 2568 | 04:28 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มิ.ย. 2568 | 04:28 น.

โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าฉุดการค้าระหว่างประเทศชะลอ กดเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ค.ดิ่ง ด้าน MPI ขยายตัว 1.88% หลังกำลังผลิตเพิ่มขึ้น

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศอาจจะชะลอตัว ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลง 

โดยมีปัจจัยหลักจากค่าเงินบาทแข็ง สินค้าทะลักจากต่างประเทศ การบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวม 

นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีการชะลอตัว เนื่องจากปัญหาต่อเนื่องจากเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของไทย รัฐบาลจีนยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวมีความคิดว่าการเที่ยวในไทยมีค่าใช้จ่ายแพงกว่าการเที่ยวประเทศที่มีลักษณะคล้ายกัน 

ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 100.79 ขยายตัว 1.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 61.14% สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนหลักต่อภาคการผลิต ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยขยายตัว 12.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าที่ได้มีการจองไว้จากงานมอเตอร์โชว์ 

โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า ฉุดเชื่อมั่นอุตสาหกรรม พ.ค.ดิ่ง

รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคุณสู้เราช่วยที่ขยายเวลาลงทะเบียน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) การค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่าส่งออกรวมเพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า โดยมีมูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบอยู่ที่ 23,552 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 22.3%

สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือนมิถุนายน 2568 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยปัจจัยในประเทศชะลอตัวต่อเนื่องตามความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่หดตัวจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ 

และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ภาพรวมยังคงต้องเฝ้าระวังภาคการผลิตของประเทศคู่ค้าทั้งญี่ปุ่นและยูโรโซนที่ชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาวะการค้าในตลาดโลก

“ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีความเปราะบางซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ภาครัฐและผู้ประกอบการไทยต้องร่วมกันทั้งในภาพของมาตรการและการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและสามารถแข่งขันได้ท่ามกลางความไม่แน่นอนดังกล่าว”

นายภาสกร กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 

ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.86% จากรถยนต์นั่งไฮบริดขนาดมากกว่า 1800 ซีซี รถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งไฟฟ้าแบตเตอรี่ และรถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด เป็นหลัก ตามกระแสความนิยมและความต้องการของตลาด สำหรับรถบรรทุกปิคอัพขยายตัวจากตลาดส่งออกเป็นหลัก

น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25.14% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก ตามปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อจากอินเดีย จีน และเมียนมาเพิ่มขึ้น

น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.43% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามปริมาณอ้อยเข้าหีบมากกว่าปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณฝนในพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นและราคาอ้อยในฤดูการผลิต 2566/67 มีราคาสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก

ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนพฤษภาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ 

เครื่องปรับอากาศ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.64% ตามการหดตัวของตลาดในประเทศ จากสภาพอากาศแปรปรวนเข้าสู่ฤดูฝนเร็วกว่าปีก่อน และมีการแข่งขันด้านราคาสูงโดยเฉพาะสินค้าต่างประเทศซึ่งมีราคาถูกกว่า

เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.56% จากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลม เครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูป และน้ำดื่มบริสุทธ์ เป็นหลัก เนื่องจากจากผู้ผลิตรายสำคัญหยุดผลิต

กาแฟ ชา และน้ำสมุนไพร หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 80.83% จากผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป เป็นหลัก เนื่องจากการหยุดผลิตชั่วคราวเป็นเดือนที่ 5 ของผู้ผลิตรายสำคัญ