“พิชัย” เผยแผนรับมือภาษีสหรัฐ จ้างทีมเจรจาเกือบ 10 ล้านบาท/เดือน

27 มิ.ย. 2568 | 11:32 น.
อัปเดตล่าสุด :27 มิ.ย. 2568 | 11:37 น.

“พิชัย ชุณหวชิร” เผยแผนรับมือภาษีสหรัฐ จ้างที่ปรึกษาช่วยเจรจา เดือนละเกือบ 10 ล้านบาท ยันโปร่งใส ปกป้องส่งออกไทยมูลค่าปีละหลายแสนล้าน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์บน Facebook ส่วนตัว ว่า เล่าให้ฟังถึงการทำงานเจรจากับสหรัฐอเมริกาครับ

1. การทำหน้าที่เจรจาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์การเจรจาภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับสหรัฐฯ มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ฝ่ายสหรัฐฯ มีการมอบหมายหัวหน้าเจรจาหลายหน่วย หลาย Level เช่น

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (U.S. Department of Commerce)
  • สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR)
  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐ (Secretary of the Treasury)

รัฐบาลไทยจึงต้องพร้อมรับมือกับทุกแนวทางที่สหรัฐฯ จะดำเนินการ

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ต้องมี 2 หน่วยงานหลัก คือ สศค. (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) และกรมเจรจาการค้าฯ ทำงานประสานกันแบบคู่ขนาน เพื่อไม่ให้ไทยเสียเปรียบ และสามารถเจรจาได้อย่างครอบคลุมในทุกระดับ โดยผมในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาระดับนโยบายทำหน้าที่กำกับให้โทนการเจรจาสอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์

2. อัตราค่าจ้างที่ปรึกษาและบริบทพิเศษของสถานการณ์ปัจจุบัน

โดยปกติ อัตราการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาหรือ Lobbyist ในสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ $20,000 – $300,000 ต่อเดือน (ประมาณ 6.5 แสนบาท ถึง 9.7 ล้านบาท) สำหรับการให้บริการทั่วไป

แต่ในกรณีปัจจุบัน สถานการณ์ "Reciprocal Tariff" 

ทำให้บริษัทที่ปรึกษาซึ่งมีความสามารถเฉพาะทางสูง และมีความสัมพันธ์เชิงนโยบายกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเรียกราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน แข่งกับประเทศอื่น และเกี่ยวพันกับมูลค่าการค้าและการส่งออกของไทยนับแสนล้านบาทต่อปี

3. แต่ผมก็ขอยืนยันความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะอเมริกามีกฏหมายการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมาย FARA (Foreign Agents Registration Act) ว่า

ทุกสัญญาว่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศจะต้องมีการ เปิดเผยรายละเอียดบนเว็บไซต์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (U.S. Department of Justice) อย่างชัดเจน

“ถ้าเราไม่มีตัวช่วยที่ดี ไม่มีทีมที่เข้าใจสหรัฐฯ ไม่มีเครื่องมือที่แข็งแรง ประเทศไทยอาจต้องสูญเสียตลาด ส่งออกสะดุด เกษตรกร-ผู้ประกอบการเจ็บหนัก”

การดำเนินนโยบายระหว่างประเทศในโลกยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจเชิงเทคนิค ความละเอียดรอบคอบ และความกล้าที่จะตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม 

ขอบคุณทุกข้อเสนอแนะ และยินดีรับฟังความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เสมอครับ