วันนี้ (12 มิ.ย. 2568) นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้นำเครือข่ายภาคประชาสังคมและเยาวชนกว่า 100 คน พร้อมขบวนไรเดอร์ นำส่ง 53,900 รายชื่อประชาชนให้แก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ตรวจสอบรายชื่อและขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดทำประชามติ “เอา-ไม่เอากาสิโน” ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ โดยคาดหวังว่ารัฐบาลจะรับฟังเสียงประชาชนและไม่ผลักดันการเปิดกาสิโนโดยไม่ผ่านกระบวนการประชามติ
การส่งมอบรายชื่อในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงพลังจากกลุ่มภาคประชาสังคมและเยาวชนที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับประเด็นสำคัญเช่นนี้ที่อาจมีผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว โดยทางเครือข่ายฯ ใช้เวลาเกือบ 4 เดือนในการรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 50,000 ชื่อ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญตามกฎหมายที่จะต้องมีการตรวจสอบก่อนจะนำไปสู่กระบวนการทำประชามติ
นายธนากรกล่าวถึงเหตุผลในการยื่นครั้งนี้ว่า การออกเสียงของประชาชนไม่ใช่เรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยเร็ว เพราะต้องใช้เวลาและความพยายามในการรวบรวมรายชื่อ โดยทางเครือข่ายฯ ใช้เวลานานถึง 120 วัน เพื่อให้ได้รายชื่อครบตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
“การรวบรวมรายชื่อ 53,900 ชื่อไม่ได้มาอย่างง่ายดาย เราต้องใช้เวลาในการพูดคุยและชักชวนประชาชนจากหลากหลายกลุ่มให้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันต้องใช้การทุ่มเทแรงกายแรงใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเยาวชนและเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ร่วมมือกันมาเป็นเวลานาน นี่คือเสียงของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลรับฟังเสียงเหล่านี้” นายธนากรกล่าว
นายธนากรยังเน้นย้ำว่า การทำประชามติจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เพราะจะช่วยให้ทั้งรัฐบาลและประชาชนสามารถยืนยันความคิดเห็นในประเด็นการเปิดกาสิโนอย่างชัดเจน โดยไม่เกิดความขัดแย้งในสังคม และหากผลประชามติออกมาเป็นที่ยอมรับจากประชาชนจะช่วยให้รัฐบาลสามารถดำเนินการต่อได้อย่างมั่นใจ
“ถ้าประชามติได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วประเทศ เรื่องนี้ก็จะเป็นฉันทามติที่ชัดเจนที่รัฐบาลสามารถใช้ในการตัดสินใจในการดำเนินการต่างๆ โดยไม่เกิดความขัดแย้งหรือการต่อต้านจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
เขายังกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลยังคงผลักดันเรื่องการเปิดกาสิโนโดยไม่ผ่านกระบวนการประชามติ อาจเสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในสายตาประชาชนและนักลงทุน
“หากรัฐบาลดึงดันและไม่ฟังเสียงของประชาชน ก็จะสร้างบรรยากาศที่ไม่ดีในการลงทุนและเปิดกาสิโน เพราะนักลงทุนเองก็ไม่อยากมาลงทุนในโครงการที่อาจจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่” นายธนากรกล่าว
นายธนากรยังได้ขอวิงวอนรัฐบาลให้พิจารณาทางเลือกนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความขัดแย้งในสังคม และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นประชาชน นักลงทุน หรือภาครัฐเอง โดยการทำประชามติจะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีในสังคม และทำให้ทุกคนสามารถยอมรับผลการตัดสินใจร่วมกัน
ขณะนี้กกต.จะมีเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อไม่เกิน 30 วัน หากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน กกต.จะส่งเรื่องรายชื่อไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและลงมติเห็นชอบให้จัดทำประชามติ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางการตัดสินใจในประเด็นนี้
นายธนากรสรุปว่า การทำประชามติไม่เพียงแต่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับรัฐบาล แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายว่าเสียงของประชาชนจะได้รับการเคารพและการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ จะมีความโปร่งใสและยุติธรรม
นอกจากนี้ นายธนากร ให้สัมภาษณ์การเคลื่อนไหวของรัฐบาลและนักลงทุนในโครงการ Entertainment Complex ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นว่ามีการจัดเวทีสาธารณะถึง 2 ครั้ง ซึ่งมีจังหวะเวลาที่เอื้อกันอย่างน่าสงสัย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะสังเกตเห็นว่ามีการจัดเวทีสาธารณะอยู่ 2 ครั้ง ซึ่งมีจังหวะเวลาที่เอื้อกันอย่างน่าสงสัย น่าสังเกต โดยฝ่ายรัฐบาลโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวก่อนเกี่ยวกับความสำคัญของโครงการนี้ วันรุ่งขึ้นก็มีการจัดงานขององค์กรภาคเอกชนที่เป็นกลุ่มผู้ลงทุนเกี่ยวกับกิจการ Entertainment Complex ซึ่งดูมีจังหวะที่สอดรับกันอย่างน่าสนใจ
นายธนากร ชี้ให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีการพูดไปในเหตุผลที่ค่อนข้างสอดคล้องกัน โดยรัฐบาลอ้างว่าโครงการจะก่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ฝ่ายผู้ลงทุนก็ให้ข้อมูลเชิงสนับสนุนในทิศทางเดียวกัน พร้อมส่งเสียงให้การสนับสนุนหรือรับประกันว่าโครงการจะดี แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ ตลาดของผู้เล่นจะเป็นใคร ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลเองก็ยังตอบไม่ชัด
"ข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่าคนไทยจะเข้าเล่นต้องมีบัญชีเงินฝาก 50 ล้านบาทขึ้นไป และต่อเนื่องมาแล้ว 6 เดือน ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลก็โต้แย้งว่าอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ให้ไปคุยกันในที่ประชุมของกรรมาธิการเมื่อกฎหมายนี้เข้าสภา"
นายธนากร กล่าวด้วยว่าฝ่ายผู้ลงทุนได้แสดงความเห็นว่า การเปิด Entertainment Complex ที่มีกาสิโน โดยหวังเพียงแค่ตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอาจจะไม่เพียงพอ ข้อเรียกร้องหรือข้อเสนอความเห็นของฝั่งผู้ลงทุนพูดอย่างค่อนข้างที่จะสอดรับกับรัฐบาลว่า จะคุ้มทุนก็ต่อเมื่อตลาดมันต้องใหญ่พอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดของผู้เล่นในประเทศ เพราะในเมื่อรัฐบาลบอกให้ไปคุยกันในรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับแก้เรื่องเงื่อนไขการเข้าเล่นของคนไทย
นายธนากร คาดการณ์ว่าการทำงานของ กกต. หลังจากภาคประชาชนยื่นขอทำประชามตินั้นน่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะกฎหมายให้เวลา กกต. ในการตรวจเบื้องต้นเพียงแค่ 30 วัน ทำให้โอกาสที่เรื่องจะส่งถึงคณะรัฐมนตรีใกล้เคียงกับเวลาที่จะเปิดสภา ถ้ารัฐบาลออกอาการเร่งรัด ไม่ฟังเสียงทัดทาน ไม่ฟังเสียงประชาชนที่ขอใช้สิทธิ์ แล้วรีบจะปิดจ๊อบในสภา อันนี้มันจะเป็นที่ครหาได้ อาจจะถูกตั้งข้อสังเกตได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังต้องการจะทำคือปิดจ๊อบแรกให้ได้ซะก่อน คือให้กฎหมายผ่านให้ได้ซะก่อนภายในรัฐบาลนี้ เรื่องอื่นค่อยมาว่ากันในรัฐบาลหน้า
ด้านนางสาววศิณี สนแสบ ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน กล่าวว่า การจัดตั้งกาสิโนในประเทศไทยนั้นแตกต่างจากหลายประเทศที่มีการวางแผนและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะสิงคโปร์ ที่ใช้เวลาถึง 10 ปีในการศึกษาผลกระทบและเก็บข้อมูลก่อนที่จะตัดสินใจเปิดกาสิโน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีการผลักดันโครงการนี้อย่างรวดเร็วและทันที โดยไม่มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างแท้จริง
“เรามีการจัดตั้งกาสิโนโดยไม่มีการศึกษาให้ดีเหมือนเขา เพราะสิงคโปร์ใช้เวลา 10 ปีในการหาข้อมูล แต่ประเทศเรากำลังจะดำเนินการทันที โดยไม่มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพียงพอ นี่คือสิ่งที่เราต้องการถามรัฐบาล” นางสาววศิณีกล่าวพร้อมกับตั้งคำถามถึงการอ้างถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเปิดกาสิโน โดยยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการประเมินที่มาจากรัฐบาล ซึ่งอาจไม่สะท้อนความเป็นจริงในทุกภาคส่วนของสังคมไทย เราจึงอยากให้รัฐบาลฟังเสียงของประชาชนและทบทวนการตัดสินใจในเรื่องนี้อีกครั้ง” นางสาววศิณีกล่าวปิดท้าย
ขณะที่เครือข่ายภาคประชาชนที่ใช้ชื่อว่า "เจ้เอ๋ อ๊อกซิเจนคนจน" กล่าวว่า ตั้งแต่แรกเริ่มเธอไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะนำโครงการนี้มาใช้ โดยเฉพาะในกรณีที่รัฐบาลไม่คำนึงถึงความเห็นของประชาชนอย่างเพียงพอ ไม่เห็นด้วยเลยกับการที่รัฐบาลจะผลักดันโครงการนี้ขึ้นมา เราไม่ต้องการกาสิโน ถ้ารัฐบาลจะทำ ต้องฟังเสียงประชาชนก่อน เพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศ ต้องการให้รัฐบาลชัดเจนกับประชาชนและแสดงให้เห็นถึงผลดีและผลเสียอย่างชัดเจน
"รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของประชาชนมากขึ้นและไม่ควรให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ทุกเรื่องที่รัฐบาลจะมาครอบงำพวกเราได้ ขณะนี้ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการดำเนินการนี้ และฟังเสียงของประชาชนก่อนที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญ" เจ้เอ๋กล่าวเสริม
นายอนันต์ รุ่งนิรันด์พร จากเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนมัธยม ได้เป็นตัวแทนมอบหนังสือแถลงการณ์ให้กับนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน เพื่อแสดงความคัดค้านต่อการเปิดกาสิโนและการพนันออนไลน์ที่รัฐบาลกำลังจะผลักดันให้ถูกกฎหมาย โดยระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการดังกล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า จากความห่วงใยของครูและผู้ปกครองที่มีต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เรามีสมาชิกหลายพันหลายหมื่นคนที่ร่วมแสดงความเห็นในครั้งนี้ วันนี้เรามาที่นี่เพื่อร่วมเป็นพลังในการคัดค้านกาสิโนและการพนันออนไลน์ที่รัฐบาลกำลังจะนำเสนอ พร้อมเน้นย้ำว่า ครูและผู้ปกครองทั่วประเทศไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการเปิดกาสิโนในประเทศและการผลักดันให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ผ่านการรับฟังเสียงจากประชาชนอย่างเพียงพอ และไม่สามารถยอมรับการดำเนินการเช่นนี้ได้ เพราะไม่ใช่กระบวนการที่โปร่งใสและไม่เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยรัฐบาลได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่อเพื่อสนับสนุนการเปิดกาสิโนไปแล้วกว่า 80,000 ชื่อ แต่ไม่มีส่วนร่วมจากประชาชนที่แท้จริง
"การทำประชามติจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดกาสิโนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายว่าเสียงของประชาชนจะได้รับการเคารพ เราเชื่อว่าการทำประชามติจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นการให้ประชาชนได้ตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ โดยไม่ใช่การตัดสินใจจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว” นายอนันต์กล่าว