นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คุณสมบัติที่เหมาะสมกับการได้รับคัดเลือกเป็นผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ซึ่งจะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย.68 นั้น จะต้องรอคณะกรรมการทั้งหมดมาหารือร่วมกัน
ขณะที่การแสดงวิสัยทัศน์นั้น ส่วนตัวมองว่าจะต้องเป็นมุมมองที่เกี่ยวข้องกับบทบาทการเป็นผู้ว่าการ ธปท. โดยมองว่าจะต้องดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ในด้านภาคการเงิน และเศรษฐกิจมหภาคอย่างไร
ทั้งนี้ นอกจากเรื่องนโยบายการเงิน นโยบายสถาบันการเงิน และระบบชำระเงินแล้ว จะต้องมองเรื่องเศรษฐกิจมหภาคด้วย เช่น นโยบายการคลังก็เป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจมหภาค
สำหรับหลักสำคัญหากเป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ จะทำให้เศรษฐกิจทางภาคการเงิน และมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจมหภาคดีขึ้นอย่างไร เพราะเป็นฟันเฟืองที่เดินด้วยกัน
“ต้องดูว่า ผู้ว่า ธปท.คนใหม่ มีวิสัยทัศน์ เป็นอย่างไร ทั้งทางด้านการเงินการคลัง ทั้งเศรษฐกิจมหภาค เพราะโดยรวมแล้วต้องดูว่าประเทศชาติเป็นอย่างไร เพราะภาคการเงิน และภาคการคลังเป็นกลไกที่สอดประสานกัน ที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโต มีเสถียรภาพ และกระจายทรัพยากรทางเศรษฐกิจออกไปอย่างทั่วถึง”
ทั้งนี้ หลังจากปิดรับสมัครผู้ว่า ธปท. คนใหม่แล้ว เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 ซึ่งมีผู้สมัครทั้งสิ้น 7 ราย จากนั้นฝ่ายเลขานุการจะได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติของผู้สมัครตามขั้นตอน และสรุปผลเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ ครั้งที่ 3/2568 ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2568
โดยคณะกรรมการคัดเลือกฯ จะได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครเพื่อทำการเรียกสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ สำหรับผู้ที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ให้เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ ฝ่ายเลขานุการจะดำเนินการติดต่อผู้สมัครเพื่อแจ้งการนัดหมาย
"เบื้องต้นกำหนดวันสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการจะได้แจ้งยืนยันวัน เวลา และสถานที่สำหรับการเข้ารับการสัมภาษณ์แก่ผู้สมัครโดยตรงต่อไป"
และในขั้นตอนสุดท้าย คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะสรุปผลการคัดเลือกและเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 และจะมีการเสนอรายชื่อบุคคลที่ได้รับเลือกต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเสนอโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป