กระทรวงอุตฯโชว์แผนพลังงานชาติดึงญี่ปุ่นเข้าไทย รับลงทุนใหม่

04 มิ.ย. 2568 | 05:08 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มิ.ย. 2568 | 05:08 น.

กระทรวงอุตสาหกรรมโชว์แผนพลังงานชาติดึงญี่ปุ่นเข้าไทย รับการลงทุนยุคใหม่ พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ปั้นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการหารือร่วมกับสมาชิกสมาพันธ์เศรษฐกิจคันไซ (KANKEIREN) เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับภาคเอกชนญี่ปุ่น ในภูมิภาคคันไซ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเต็มที่ 

ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก ขับเคลื่อนไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยุคใหม่ เน้นสร้างภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไทยด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ส่งเสริมความปลอดภัย ยั่งยืน เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 

“การเดินทางไปหารือที่ญี่ปุ่นดังกล่าว ไม่เพียงดึงดูดนักลงทุนใหม่ แต่ยังดูแลและส่งเสริมผู้ประกอบการเดิมด้วย ขณะที่ด้านยานยนต์ ไทย-ญี่ปุ่น มีนโยบายสอดคล้องกัน สนับสนุนพลังงานทางเลือกหลากหลาย (Multi-Pathway) ทั้ง EV, Plug-in Hybrid และรถยนต์สันดาปพัฒนาเทคโนโลยีลดมลพิษ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบริษัทญี่ปุ่น“

นอกจากนี้ ยังได้หารือกับบริษัทญี่ปุ่น เช่น Sumitomo (ผู้ผลิตทองแดง/สายไฟยานยนต์), Daiichi Kigenso Kagaku Kogyo Co.,Ltd. (ผู้ผลิตวัสดุเร่งปฏิกิริยาไอเสียรถยนต์) Kubota (อุตสาหกรรมเกษตร/ความมั่นคงทางอาหาร)  Daikin (เครื่องปรับอากาศและระบบทำความเย็น) และ Mitsubishi (กลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมหนัก เคมีภัณฑ์) หารือยอดขายในประเทศที่ชะลอตัวหลังโควิด-19 โดยย้ำถึงความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น สินเชื่อภาคครัวเรือน, เจรจาสถาบันการเงินเรื่องสินเชื่อ และมาตรการภาษีสรรพสามิต

กระทรวงอุตฯโชว์แผนพลังงานชาติดึงญี่ปุ่นเข้าไทย รับลงทุนใหม่

“ได้ยืนยันว่าไทยจะให้การสนับสนุนบริษัทฯ ของญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทย โดยจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ EV ที่สูงขึ้นนั้น ได้ให้ความมั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในไม่ช้า” 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลกำลังปรับแผนพลังงานชาติซึ่งมีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan หรือ PDP) รวมทั้งแผนการพัฒนาพลังงานทางเลือกและพลังงานชีวมวล เป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ราคาไม่แพง รัฐบาลให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะอ้อยและน้ำตาล (ซึ่งไทยส่งออกเป็นอันดับ 2 ของโลก) จะได้รับการส่งเสริมต่อเนื่อง 

สอดรับแนวทางธุรกิจ บริษัท Kubota ด้านเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากการเผาในภาคเกษตร ลดมลพิษอากาศกระทบสุขภาพประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุน 

โดยปีที่ผ่านมากระทรวงฯ สามารถลดการเผาอ้อยลงครึ่งหนึ่ง จาก 30% เหลือ 15% และยังเสนอ ครม. ช่วยเกษตรกรรายย่อย: เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2-4% (8 ปี) และชดเชยอุปกรณ์เก็บใบอ้อย 50% ซึ่งนำไปขายโรงไฟฟ้าผลิตจากใบอ้อย/ชานอ้อยได้ ส่งเสริม Biomass และ Biogass เป็นพลังงานทางเลือกใหม่

ขณะที่ บริษัท Daikin และ บริษัท Mitsubishi ได้หารือถึงการพัฒนาทักษะแรงงาน และกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญทั้งคู่ เพราะอุตสาหกรรมใหม่ไม่ได้ดูแค่เม็ดเงินการลงทุน แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย และธุรกิจของคนไทยด้วย ซึ่งไทยได้พัฒนาบุคลากรและกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมใหม่ รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการ โดยนายกรัฐมนตรี เป็นประธานส่งเสริมการพัฒนาและผลิตบุคลากรให้สัมพันธ์กับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้มีการจัดทำ พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรม กฎหมายฉบับแรกของไทยที่เน้นธุรกิจจัดการสิ่งแวดล้อม บังคับใช้ปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เปิดทางธุรกิจ Recycle คุณภาพ/ถูกกฎหมายเติบโต กฎหมายนี้ (แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น) เป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อน เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การหารือกับ METI และสมาคมการค้าญี่ปุ่นในไทยเมื่อ พ.ย. 2567 เพื่อรับฟังความเห็นต่อ พ.ร.บ. จะนำไปสู่การสรุปผลเร็วๆ นี้

นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า กนอ. เป็นกลไกหลักเชื่อมโยง/อำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน ได้นำเสนอศักยภาพพื้นที่นิคมฯ ที่มีโครงสร้างพื้นฐาน, สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม กนอ. เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 

รวมถึงให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์จากการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมและมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจบริษัทญี่ปุ่นในไทย พร้อมอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอนการลงทุน