บาฟส์แนะฟื้นเชื่อมั่นท่องเที่ยว ไม่ต้องรอ Entertainment Complex

04 มิ.ย. 2568 | 02:19 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มิ.ย. 2568 | 04:00 น.

บาฟส์แนะรัฐบาลเร่งฟื้นเชื่อมั่นท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ต้องรอ Entertainment Complex เชื่อทำได้ทันที ระบุโยกงบ 1.57 แสนล้านเดินมาถูกทาง

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือจีดีพี (GDP) ของประเทศไทย ว่า สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการฟื้นความเชื่อมั่น โดยเรื่องแรกที่สามารถทำได้ทันทีคือการดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาที่ไทย 

ทั้งนี้ จะต้องพยายามเสาะหาตลาดใหม่ ซึ่งจะต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี มีพื้นที่สะอาด มีการปราบปรามการทุจริตคอร์รับชั่นอย่างเต็มที่ จะพึ่งพิงตลาดจีนอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ 

โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปก็มีความต้องการมาไทย ซึ่งจะเห็นได้จากตลาดท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย โดยมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย และยูเครนจำนวนมากเดินทางเข้ามา เพื่อพึ่งไทยเป็นพื้นที่หลบภัย 

ขณะที่แม่ฮ่องสอนก็มีนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลจำนวนมากใช้เป็นพื้นที่หลบภัย โดยหากสามารถวางใจเป็นกลาง ไทยเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มดังกล่าว ก็ดูแลนักท่องเที่ยวให้เต็มที่ มีอาหารที่ดี มีธรรมชาติที่สวยงามช่วยบำบัดทางด้านร่างกายและจิตใจ จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่น่าดึงดูดมากในภาคท่องเที่ยว ไม่ต้องรอเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ (ENTERTAINMENT COMPLEX) 

บาฟส์แนะฟื้นเชื่อมั่นท่องเที่ยว ไม่ต้องรอ Entertainment Complex

“ปัจจุบันไทยมีสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลจะต้องทำเรื่องดังกล่าวนี้ให้ได้ โดยมองว่าในระยะสั้นสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้แน่”

ด้านการส่งออกต้องหาตลาดใหม่เช่นเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่าหากยังพึ่งพิงตลาดเดิมจะเหนื่อยมาก โดยมองตลาดที่ยังเติบโต ดูภาคอื่นบ้างที่ยังไม่เคยทำ แต่มีศักยภาพ

 

“รัฐถือว่าเดินมาถูกทางในการโยกงบ 1.57 แสนล้านบาทมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ผลที่จะเกิดขึ้นอาจจต้องใช้ระยะเวลา โดยการลงทุนภาครัฐกว่าจะเห็นผลต่อเศรษฐกิจอย่างน้อยต้องใช้เวลา 7-8 เดือน ซึ่งไม่น่าจะทันต่อการดันจีดีพีให้เติบโตมากขึ้นภายในปีนี้“

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หากจะกระตุ้นด้วยการลงทุนภาคเอกชนก็คงลำบาก แม้ว่าเวลานี้ดอกเบี้ยจะไม่สูง แต่ปัญหาอยู่ที่สถาบันการเงินที่ไม่ปล่อยสินเชื่อ เพราะพิจารณาจากความเสี่ยงแล้วเห็นว่าเป็นไปได้ยาก ไม่กล้าปล่อย

ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะไม่สามารถขอเครดิตจากที่ใดได้ ส่งผลให้ยิ่งกระทบหนัก ด้านบริษัทขนาดกลางและใหญ่ยังพอไปได้ เพราะมีกำลังที่จะออกหุ้นกู้ เพื่อนำเงินไปชำระสินเชื่อ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนให้บริษัท โดยที่เอสเอ็มอีไม่สามารถทำได้ ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไม่เช่นนั้นจะลำบาก